ทัวร์อินเดีย แสวงบุญอินเดีย เนปาล เที่ยวเนปาล

ค้นหาโปรแกรมทัวร์

DE408 : โปรแกรมทัวร์อินเดีย เนปาล แสวงบุญ นมัสการ 4 สังเวชนียสถาน [วันวิสาขบูชา / วันอาสาฬหบูชา] 7 วัน 6 คืน (6E)

DE408 : โปรแกรมทัวร์อินเดีย เนปาล แสวงบุญ นมัสการ 4 สังเวชนียสถาน [วันวิสาขบูชา / วันอาสาฬหบูชา] 7 วัน 6 คืน (6E)
INDIGO AITLINES (6E)

AMAYAA HOTEL VARANASI
HOTEL LOTUS NIKKO
HOTEL NEW CYSTAL
TULIP INN LUCKNOW

***ไฮไลท์โปรแกรมที่ไม่ควรพลาด สถานที่สำคัญต่างๆของพุทธศาสนา ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไป..***.
ลุมพินี... สถานที่ประสูติของพระสิทธัตถะราชกุมาร จุดแรกของการกำเนิดผู้ที่ประเสริฐที่สุดในโลก  
พุทธคยา... สถานที่ตรัสรู้ จุดกำเนิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สะดือโลก
สารนาถ... ดินแดนกำเนิดพระสงฆ์องค์แรกในพุทธศาสนา จุดปฐมเทศนาครั้งแรกของชาวพุทธ  
กุสินารา.... นครแห่งมหาปรินิพพาน ที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ที่แจกพระบรมสารีริกธาตุ  
ไวสาลี... เมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี เมืองแห่งการปลงอายุสังขารขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  
สาวัตถี... เมืองแห่งมหาอุบาสก อุบาสิกา สถานที่พระพุทธเจ้าจำพรรษานานที่สุด 
ราชคฤห์... ดินแดนแห่งการกำเนิดพระสูตร ที่ประชุมสังคายนา เกิดวัดแห่งแรกในพุทธศาสนา  
นาลันทา... มหาวิทยาลัยอันยิ่งใหญ่แหล่งศึกษาที่เลี่ยงชื่อ มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก   

รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพมหานคร - เมืองพาราณสี
06.00 น. คณะเดินทางพบกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินอินดิโก้ (6E) เพื่อทำการเช็คอินและรับบัตรโดยสาร โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ... ให้การต้อนรับ
09.10 น. คณะเดินทางออกจาก สนามบินสุวรรณภูมิ สู่ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย โดย สายการบินอินดิโก้ (6E) เที่ยวบินที่ 6E98
10.50 น.คณะเดินทางถึง สนามบินเมืองพาราณสี หลังจากเสร็จพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก โรงแรม..........
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย

นำท่านเดินทางสู่ ตัวเมืองพาราณสี สถานที่ตั้งของ สารนาถ หรือป่าอิสิปตนมฤคทายวันในสมัยพระพุทธกาล

สารนาถ สถานที่ตั้งสังเวชนียสถานแห่งการปฐมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองพาราณสีนั้นเป็นเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาล เป็นอดีตเมืองหลวงของแคว้นกาสี ซึ่งเป็นเมืองที่สถิตย์ขององค์พระศิวะที่มีชื่อเสียงทางด้านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูมาอย่างยาวนานบนแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความเชื่อในการอาบน้ำล้างบาป ตามทรรศนะคติพราหมณ์ตราบจนถึงปัจจุบัน สำหรับศาสนาพุทธเมืองพาราณสียังเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาที่หลากหลายประเทศมีการส่งพระสงฆ์มาศึกษาพระธรรมวินัยในยุคปัจจุบันในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พระองค์เคยทรงสนทนากับพวกพราหมณ์ ผู้ไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคาเพื่อล้างบาปเป็นใจความว่า ถ้าต้องการล้างบาปไม่จำเป็นต้องไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ขอให้ชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ คือ เว้นทุจริตทางกาย วาจา ใจ และประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ใจ นั่นแหละคือการอาบน้ำล้างบาปมีในศาสนาของพระองค์ ถ้าประพฤติอยู่ในสุจริตแล้ว แม้น้ำดื่ม น้ำอาบ ธรรมดาก็จะกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย อนึ่ง ถ้าน้ำในแม่น้ำคงคาสามารถล้างบาปได้จริงและอำนวยผลให้ผู้ลงไปอาบไปสวรรค์ได้จริงแล้ว พวก กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีโอกาสไปสวรรค์ได้มากกว่ามนุษย์เพราะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้นตลอดเวลา เมืองพาราณสียังเป็นดินแดนที่ดีที่สุดในการศึกษาวิถีชีวิตของชาวอินเดียแท้ว่าเป็นอย่างไรดังคำกล่าวของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ว่า “พาราณสีคือ อินเดียแท้ ใครมาอินเดียแล้วไม่เห็นพาราณสีก็เท่ากับว่าไม่ได้เห็นอินเดีย ใครอยากรู้ว่าอินเดียที่แท้จริงเป็นอย่างไรต้องมาดูที่เมืองพาราณสี”

 

นำท่านเดินทางสู่ สารนาถ ซึ่งอยู่ในเขตเมืองพาราณสี ในอดีตสถานที่แห่งนี้คือ 

“ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน” อันเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แก่ปัญจวคีย์ทั้ง 5 และเป็นสถานที่เกิดพระรัตนตรัยครบ 3 องค์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นอนุสรณ์สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบกับปัญจวคีย์ทั้ง 5 เมื่อเสด็จมาโปรดหลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้เพียง 2 เดือน และสามารถทำให้อัญญาโกณฑัญญะบรรลุอรหันตผล ซึ่งสถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ต่อมาได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัยคุปตะ และมีการปรับเปลี่ยนผังของสถูปจากเดิมมาเป็นแบบรูปทรง 8 เหลี่ยม โดยจักรพรรดิ์อัคบาร์แห่งราชวงศ์โมกุล พระอัยกา (ปู่) ของจักรพรรดิ์ชาห์จาฮัน ผู้สร้างตำนานประติมากรรมแห่งความรักอันเป็นนิจนิรันดร ทัชมาฮาล (TAJ MAHAL) เพราะในอดีตพระบิดาของพระองค์ จักรพรรดิ์หุมายันได้เสด็จลี้ภัยมายังสถานที่แห่งนี้

จากนั้น นำท่านชม พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมปรากฏเสาอโศกในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมนำท่านนมัสการ ธัมเมกขสถูป

ธัมเมกขสถูป เป็นสถูปที่สร้างเพื่ออุทิศแด่พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้ซึ่งเห็นธรรมเป็นท่านแรก สถูปแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบเมาริยะ เป็นทรงกลมแบบบาตรคว่ำ มีความสูงจากฐาน 42 เมตร ภายหลังจากสถูปองค์เก่าถูกทำลายได้มีการสร้างสถูปแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เมื่อปีพุทธศักราช 2337 และนำท่านสักการะ ธัมมราชิกสถูป เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาในช่วงฤดูฝนแรกหลังจากทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ธัมมราชิกสถูปสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ในสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่ประทับแสดงทุติยเทศนา คือ “อนัตตลักขณสูตร” โปรดแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 หลังจากวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดง “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” คือพระสูตรว่าด้วยการหมุนกงล้อแห่งพระธรรมอันเป็นพระสูตรแรกในพระพุทธศาสนา และในวันแรม 5 ค่ำ เดือน 8 พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตรโปรดแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ทำให้ทั้งหมดได้เข้าใจชัดเจนถึงความเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตนถาวรเที่ยงแท้ของขันธ์ ของสังขารธรรม ทำให้ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 สามารถเพิกถอนอุปทาน อาสวะในจิตของตนได้และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกันเป็นครั้งแรกของโลกในที่สุด

หลังจากนั้น นำท่านชม โบราณวัตถุที่สำคัญของทางพระพุทธศาสนา ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งสารนาถ (พิพิธภัณฑ์ปิดให้บริการทุกวันศุกร์และวันนักขัตฤกษ์)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
ที่พักเมืองพาราณสี ณ โรงแรม Meadows หรือเทียบเท่า
วันที่ 2พาราณสี - พุทธคยา
เช้าตรู่

นำท่านล่องเรือชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และชม พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำคงคา สายน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงชาวอินเดียมาแต่โบราณกาล

จากนั้น นำท่านกลับสู่โรงแรมที่พักเพื่อรับประทานอาหารเช้า

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เมืองพุทธคยา

 
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย

หลังจากนั้น นำท่านเข้านมัสการ พระมหาเจดีย์พุทธคยา พร้อมสักการะองค์พระประธาน “พระพุทธเมตตา” และสักการะต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งต้นโพธิ์ต้นดังกล่าวเป็นต้นที่ 4 จากต้นศรีมหาโพธิ์ต้นแรกที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ โดยสำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรกนั้นเป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในวันเดียวกับวันที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ) มีอายุถึง 352 ปี จนในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จึงถูกทำลายโดยพระชายาของพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะความอิจฉาที่พระเจ้าอโศกรักและหวงแหนต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้จนไม่สนใจพระนาง ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สองนั้นปลูกโดยพระเจ้าอโศกมหาราช จากหน่อพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิมและมีอายุยืนมาประมาณ 871-891 ปี จนถูกทำลายในประมาณปีพุทธศักราช 1143-1163 ด้วยน้ำมือของพระราชาฮินดูแห่งเบงกอลพระนามว่าศศางกา ซึ่งพระองค์อิจฉาพระพุทธศาสนาที่มีความรุ่งเรืองมาก จึงทรงแอบนำกองทัพเข้ามาทำลายต้นโพธิ์ต้นนี้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สามปลูกโดยพระเจ้าปูรณวรมา กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เมารยะ และต้นที่สามนี้มีอายุยืนมากว่า 1,258 –1,278 ปี จึงล้มลงในสมัยที่อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สี่ ที่ยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน ปลูกโดยนายพลเซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม เมื่อปีพุทธศักราช 2423

พร้อมนำท่านสักการะ 7 สัตตมหาสถาน หรือสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จประทับเสวยวิมุต เป็นเวลา 7 สัปดาห์หลังจากตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง อันประกอบไปด้วย
1) เสด็จประทับบนพระแท่นวัชรอาสน์ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ พร้อมเสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 1
2) เสด็จประทับ ณ อนิมิสเจดีย์ ทรงยืนจ้องพระเนตรดูต้นศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กะพริบพระเนตรตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 2
3) เสด็จประทับ ณ รัตนจงกรมเจดีย์ ทรงนิมิตจงกรมขึ้น แล้วเสด็จจงกรมเป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 3
4) เสด็จประทับ ณ รัตนฆรเจดีย์ โดยเสด็จไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้วซึ่งเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรมตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 4
5) เสด็จไปประทับใต้ต้นไทร อชปาลนิโครธ ซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่ 5
6) เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นจิก มุจลินท์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ 6
7) เสด็จไปประทับใต้ต้นเกด ราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 7

เย็น

รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม

(นักแสวงบุญสามารถเดินทางไป พระมหาเจดีย์พุทธคยา หลังมื้ออาหารเย็น เนื่องจากพระมหาเจดีย์พุทธคยามีเวลาทำการตั้งแต่เวลา 5.00 น. – 21.00 น.)

ที่พักในพุทธคยา เมืองคยา ณ โรงแรม Taj Darbar หรือเทียบเท่า 
วันที่ 3พุทธคยา 
เช้า

รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมที่พัก

จากนั้น นำท่านเที่ยวชม สถูปนางสุชาดา ซึ่งปัจจุบันเป็นเนินดินสูงมีการก่ออิฐล้อมรอบสูงประมาณ 4 เมตร รอบๆเป็นลานกว้างมีร่องรอยการขุดดินหาโบราณวัตถุ สถูปแห่งนี้ถูกสร้างเป็นอนุสรณ์สถานโดยพระเจ้าอโศกมหาราชในสมัยพุทธกาลนางสุชาดาคือผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาสพร้อมถาดทองคำให้กับพระพุทธเจ้า ในช่วงที่พระพุทธองค์ทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกริยาและกลับมาเสวยอาหารตามปกติ
ต่อจากนั้น

นำท่านเยี่ยมชม แม่น้ำเนรัญชรา สถานที่สำคัญทางศาสนาที่พระศาสดาได้รับการถวายข้าวมธุปายาสพร้อมถาดทองคำจากนางสุชาดา และพระองค์ได้อธิษฐานจิตเสี่ยงทายหากพระองค์ท่านสามารถตรัสรู้ได้ ขอให้ถาดทองคำลอยทวนสายน้ำ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายนำท่านชม วัดพุทธนานาฃาติ อาทิ เช่น วัดทิเบต วัดญี่ปุ่น วัดภูฎาน และวัดไทยซึ่งแต่ละวัดมีความงดงามที่แตกต่างกัน หลังจากนั้น อิสระตามอัธยาศัย
เย็น รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม
ที่พักในพุทธคยา เมืองคยา ณ โรงแรม Taj Darbar หรือเทียบเท่า 
วันที่ 4พุทธคยา - ไวสาลี - เมืองกุสินารา
เช้า

รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมที่พัก

หลังอาหาร นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองไวสาลี ในอดีตคือแคว้นวัชชีที่ปกครองโดยกษัตริย์ลิจฉวี เป็นหนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป ซึ่งในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์เคยมาโปรดให้ชาวเมืองได้รอดพ้นจากโรคอหิวาตกโรค ที่แม้แต่พระมหาวีระ ศาสดาแห่งศาสนาเชนไม่สามารถบำบัดโรคร้ายนี้ได้ จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง

จากนั้นนำท่านชม กุฎาคารศาลา วัดป่ามหาวัน ที่มีลักษณะเป็นสถูปทรงบาตรคว่ำ ซึ่งกษัตริย์ลิจฉวีทรงสร้างถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ในพรรษาที่ 5 พร้อมนำท่านชมเสาอโศกรูปสิงห์ที่เชื่อว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด ที่อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้หลงเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก ห้องประชุมที่สำคัญวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ประธานพุทธานุญาตบวชพระนางปชาบดีโคตสีเป็นพระภิกษุณีรูปแรกของโลก

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย

ระหว่างทาง นำท่านเดินทางสักการะ เกสรียาสถูป บริเวณที่พระพุทธองค์ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรดูเมืองไวสาลีเป็นครั้งสุดท้าย และพระราชทานบาตรให้กับพวกลิจฉวีก่อนเดินทางไปยังกุสินารา เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานสถูปแห่งนี้ถูกขุดพบเมื่อปีพุทธศักราช 2541 โดยเชื่อว่ากันว่าเป็นสถูปที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งมีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก ด้วยขนาดความสูงประมาณ 41 เมตร ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปีพุทธศักราช 2474 จึงเหลือความสูงประมาณ 35 เมตร  โดยบริเวณใกล้เคียงพระสถูปแห่งนี้ยังปรากฏเสาอโศก

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา เดิมในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินารานั้นเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นมัลละ  ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่มีความสำคัญเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระพุทธองค์

นำท่านเดินทางสู่ สาลวโนทยาน หรือป่าสาละ แห่งแคว้นมัลละในสมัยพุทธกาล พร้อมนำท่านชม ปรินิพพานสถูป เป็นสถูปที่อยู่ด้านหลังวิหารปรินิพพาน ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชพระราชทานพระราช-ทรัพย์ 100,000 รูปี ให้สร้างขึ้นคร่อมกับพระแท่นปรินิพพาน มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูง 65 เมตร มียอดฉัตร 3 ชั้น พร้อมปรากฏเสาอโศกในบริเวณใกล้เคียง

จากนั้น นำท่านนมัสการ พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ณ วิหารปรินิพพาน เป็นพระพุทธรูปที่เป็นศิลปะในสมัยคุปตะ (พุทธศักราช 823 - 1093) โดยช่างฝีมือชาวมธุรา ที่มีขนาดความยาวประมาณ 7 เมตร สูงประมาณ 1 เมตร ประดิษฐานอยู่บนพระแท่นจุณศิลา ที่ทำจากทรายแดงของเมืองจุนนะ วิหารแห่งนี้ถูกขุดครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2397 โดยนายพลเซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม และถูกขุดเรื่อยมาจนกระทั่งปีพุทธศักราช 2450 ได้ค้นพบโบราณวัตถุมากมาย รวมทั้งพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ประดิษฐาน ณ สถานที่แห่งนี้

หลังจากนั้น นำท่านชม มกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ทำพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ซึ่งมีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่ารามภาร์-กา-ฏีลา อยู่ห่างจากที่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานประมาณ 1 กิโลเมตร

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม
ที่พักเมืองกุสินารา ณ โรงแรม Om Residency หรือเทียบเท่า 
วันที่ 5กุสินารา - ลุมพินี
เช้า

*** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางสำหรับข้ามผ่านแดนประเทศอินเดีย – เนปาล ***

รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมที่พัก

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ลุมพินี เมืองไภรวา ประเทศเนปาล ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสังเวชนียสถานแห่งเดียวที่ไม่อยู่ในประเทศอินเดีย อันเนื่องมาจาก ก่อนที่สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาประสูติ พระองค์ท่านเป็นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิได้รับอาราธนาของทวยเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู "ปัญจมหาวิโลกนะ" คือ การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ 5 อย่าง ก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้ามี 5 อย่างที่พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงเลือก ดังนี้

1. กาล ทรงเลือกอายุกาลของมนุษย์
2. ทวีป ทรงเลือกชมพูทวีป
3. ประเทศ ทรงเลือกมัธยมประเทศ
4. ตระกูล ทรงเลือกตระกูลกษัตริย์ศากยวงศ์
5. มารดา ทรงเลือกมารดาที่มีศีลห้าบริสุทธิ์ ได้บำเพ็ญบารมีมาตลอดแสนกัป และกำหนดอายุของมารดา ทรงกำหนดได้พระนางมหามายา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย

หลังอาหาร นำท่านเยี่ยมชม สวนลุมพินีวัน ตั้งอยู่ที่เมืองไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล นำท่านชม วิหารมายาเทวี สถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งภายในวิหารจะปรากฏรูปปั้นของพระนางมายาเทวี (พระมารดาของพระพุทธเจ้า) ขณะพระองค์กำลังให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ และ รูปรอยเท้าของเจ้าชายสิทธัตถะภายนอกวิหาร จะปรากฏ สระโบกขรณี และเสาอโศกซึ่งถูกฝังดินไว้และพบจารึกเป็นอักษรพราหมณ์ระบุว่าที่แห่งนี้คือสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ

เย็น พร้อมรับประทานอาหารเย็น
ที่พักในลุมพินี เมืองไภรวา ประเทศเนปาล ณ โรงแรม White Lotus หรือเทียบเท่า 
วันที่ 6ลุมพินี - พาราณสี
เช้า

รับประทานอาหารเช้า ภายในโรงแรมที่พัก

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ตัวเมืองพาราณสี สถานที่ตั้งของ สารนาถ หรือป่าอิสิปตนมฤคทายวันในสมัยพระพุทธกาล สถานที่ตั้งสังเวชนียสถานแห่งการปฐมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองพาราณสีนั้นเป็นเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาล เป็นอดีตเมืองหลวงของแคว้นกาสี ซึ่งเป็นเมืองที่สถิตย์ขององค์พระศิวะที่มีชื่อเสียงทางด้านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดูมาอย่างยาวนานบนแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีความเชื่อในการอาบน้ำล้างบาป ตามทรรศนะคติพราหมณ์ตราบจนถึงปัจจุบัน 

เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองพาราณสี
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ
ที่พักเมืองพาราณสี ณ โรงแรม Meadows หรือเทียบเท่า 
วันที่ 7พาราณสี - กรุงเทพฯ
เช้า

รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรม

หลังจากนั้น นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองสนามบินเมืองพาราณสี โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท... ให้บริการทำการเช็คอินและบัตรโดยสาร 

11.50 น. คณะเดินทางออกจากสนามบิน เมืองพาราณสี สู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินอินดิโก้ (6E) เที่ยวบินที่ 6E97 (มีบริการอาหารกลางวันบนเครื่อง)
16.40 น.คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ ด้วยความอิ่มบุญและประทับใจไปนานแสนนาน.........

เงื่อนไขในการจอง

  • ตั๋วเครื่องบิน ชั้นนักท่องเที่ยว เส้นทาง กรุงเทพ - พาราณสี- กรุงเทพฯ
  • ภาษีสนามบินดอนเมืองและที่อินเดีย
  • ที่พัก และอาหารตามที่ระบุในรายการ
  • พระวิทยากรตลอดเส้นทาง
  • มีบริการอาหารไทยเสริมทุกมื้อ
  • รถปรับอากาศ พร้อมพนักงานขับรถผู้ชำนาญเส้นทางนำเที่ยวตามรายการ
  • ค่าธรรมเนียมในการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามที่ระบุไว้ในรายการ
  • น้ำหนักสัมภาระท่านละไม่เกิน  20 กิโลกรัม
  • ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง กรณีการเสียชีวิต วงเงินท่านละ 1,000,000 บาท
  • หนังสือสวดมนต์ 1 เล่ม และผ้าปูนั่งสำหรับสวดมนต์
  • ค่าธรรมเนียมในการทำหนังสือเดินทางและค่าทำใบอนุญาตกลับเข้าประเทศของคนต่างชาติหรือคนต่างด้าว
  • ค่าธรรมเนียมวีซ่า ประเทศอินเดีย และประเทศเนปาล ท่านละ 4,200 บาท
  • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด
  • ค่าทิปคนช่วยยกกระเป๋าตามสถานที่ต่างๆ
  • ค่าทิปคนขับรถ เด็กรถ และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ท่านละ 1,500 บาท
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย แล้วแต่ความพึงพอใจในบริการ
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3 %
  • จองมัดจำท่านละ10,000 บาท พร้อมหน้าพาสปอร์ตภายใน 3 วัน
  • ชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือจะเรียกเก็บก่อนเดินทางไม่น้อยกว่า 30 วัน
  • ภายใน 20 วันก่อนการเดินทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่าเดินทางทั้งหมด
  • ภายใน 30 วันก่อนการเดินทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ คืนเงินค่าเดินทางเพียง 50%
  • ภายใน 45 วันก่อนการเดินทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ ไม่คืนเงินค่ามัดจำ 10,000 บาท
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการในทัวร์นี้ เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้
  • บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในเหตุการณ์ที่เกิดจากสายการบิน เหตุการณ์ทางการเมือง และภัยธรรมชาติ ฯลฯ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯ หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มที่เกิดขึ้นตรงหรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย การสูญหาย ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
  • บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมือง ห้ามผู้เดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากมีสิ่งผิดกฎหมายหรือสิ่งของห้ามนำเข้าประเทศ เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามที่กองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้ว ทางบริษัทฯ ไม่อาจคืนเงินให้ท่านได้
  • พาสปอร์ต มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน ในวันเดินทาง
  • รูปถ่ายสี 2 นิ้ว x 2 นิ้ว 2 ใบ หน้าตรง ฉากหลังสีขาวเท่านั้น
  • สำเนาบัตรประชาชน  และ สำเนาทะเบียนบ้าน
  • พระภิกษุ มีสำเนาใบสุทธิ

Address

53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240

จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.

Contact Us

Hotline : 081-873-6566099-191-9288 

Social Network

Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel

 

Add line DoubleEnjoy