ตามล่าแสงเหนือ Reindeer Aurora Hunting
ขับสโนโมบิลตะลุยหิมะ นั่งรถสุนัขลากเลื่อน
ล่องเรือสำราญ นอนค้างบนเรือ DEDS
สถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลกกรุงสต็อกโฮล์ม
**รวมค่าวีซ่าแชงเก้น ทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ**
วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
22.00 น. | พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบินไทยแอร์เวย์ (TG) ประตู 3 เคาน์เตอร์ D โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
วันที่ 2 | กรุงเทพฯ - โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) - ชมเมืองโคเปนเฮเก้น - ช้อปปิ้งถนนสตรอยก์ - ล่องเรือ DFDS |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
00.50 น. | ออกเดินทางสู่ โคเปนเฮเก้น (COPENHAGEN) เที่ยวบินที่ TG 950 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) หมายเหตุ : กรุณาจัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ชุด และของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก เพื่อพักค้างคืนบนเรือ 1 คืน ส่วนกระเป๋าใหญ่จะเก็บไว้ในห้องสัมภาระบนเรือ |
06.35 น. | เดินทางถึง สนามบินกรุงโคเปนเฮเกน (COPENHAGEN) เมืองหลวงประเทศเดนมาร์ก เจ้าของชื่อสวรรค์แห่งเมืองท่า ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม.) นำท่าน เที่ยวชมเมืองโคเปนเฮเกน ถ่ายรูปด้านหน้าของ พระราชวังอมาเลียนบอร์ก (AMALIENBORG PALACE) (ภายนอก) ที่ประทับในฤดูหนาวของราชวงศ์แห่งเดนมาร์กนับตั้งแต่ ค.ศ. 1794 ตกแต่งแบบสไตล์ร็อคโคโค่ ปัจจุบันยังเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์แห่งเดนมาร์ก จากนั้นชม น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน (GEFION FOUNTAIN) มีตำนานเล่าขานว่า เทพเจ้าผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ดลบันดาลให้พระนางกอบกู้ชาติ โดยพระราชินีเกฟิออนได้แปลงร่างลูกชาย 4 คนให้เป็นโคเพื่อไถพื้นดินขึ้นมาจากใต้น้ำ ให้เกิดเป็นประเทศเดนมาร์กในทุกวันนี้ วันนี้แวะถ่ายรูปคู่กับ เงือกน้อย (LITTLE MERMAID) สัญลักษณ์ของเมือง ใกล้กันเป็นย่านท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีเรือสินค้าและเรือสำราญเทียบท่าอยู่ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | จากนั้นอิสระให้ท่านช้อปปิ้ง ณ ถนนสตรอยก์ (STROGET) ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในโลก ร้านบนถนนช้อปปิ้งสายหลักของเมืองเต็มไปด้วยแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคยดี ตั้งแต่ Louis Vuitton ไปจน Urban Outfitter และ Zara ที่ไม่ว่าใครจะเข้ามาแล้วกี่เมืองกี่สาขา ก็ไม่สามารถหยุดขาตัวเองไม่ให้เดินเข้าไปซ้ำได้ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือร้านของแบรนด์ดีไซเนอร์ท้องถิ่นชื่อดังอย่าง Wood Wood, Stine Goya, Henrik Vibskov ที่ตั้งอยู่บริเวณนี้เช่นกัน หมายเหตุ : ประเทศเดนมาร์ก ถือเป็นอีกประเทศที่เป็นสวรรค์ของนักช้อปฯ เพราะสามารถทำ Tax Refund ได้เยอะ สามารถได้เงินคืนราวๆ 18-19% ของราคาสินค้าที่ซื้อ (แต่ต้องซื้ออย่างน้อย 300 DKK ภายในวันเดียวกันและร้านเดียวกัน) |
15.00 น. | ได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่ ท่าเรือสำราญ DFDS SCANDINAVIAN SEAWAYS เพื่อทำการเช็คอิน หมายเหตุ : การนอนบนเรือ กรุณาเตรียมกระเป๋าแยกชุดสำหรับค้าง 1 คืน เพื่อความสะดวกสบาย |
16.45 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงออสโล (OSLO) ประเทศนอร์เวย์ ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือมากมาย ร้านอาหาร สปา การแสดงโชว์และอื่นๆ |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารบนเรือ แบบบุฟเฟต์ |
ที่พัก | พักค้างคืนบนเรือสำราญ DFDS SCANDINAVIAN SEAWAYS ห้องแบบมีหน้าต่างเตียงคู่ |
วันที่ 3 | ออสโล (นอร์เวย์) - ชมเมืองออสโล - พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งโบราณ - สนามบินออสโล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือ เดินทางถึงท่าเรือในออสโล จากนั้นนำท่าน เที่ยวชมเมืองออสโล ถ่ายรูปด้านหน้า โอเปร่าเฮ้าส์ (OPERA HOUSE) แลนด์มาร์คสำคัญ เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ เป็นที่ตั้งของคณะอุปรากรและบัลเล่ต์ระดับชาติ อาคารรูปทรงเลขาคณิตที่สร้างจากกระจกและหินอ่อนขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์น มีดีไซน์แปลกสะดุดตาไม่เหมือนกับที่อื่นในโลก ออกแบบให้ดูเหมือนธารน้ำแข็งยักษ์โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และมีสะพานที่ลาดเอียงสีขาวโพลน นำท่าน ถ่ายรูปกับ ศาลาว่าการเมืองออสโล (OSLO CITY HALL) เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามด้วย ลักษณะของอาคารหอคอยคู่ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำ ออสโลฟยอร์ด (OSLO FJORD) อีกทั้งโรงละคร แห่งชาติ (THE OSLO OPERA HOUSE) หนึ่งในโครงการปรับปรุงบริเวณ ชายฝั่งของออสโลให้เกิดเป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์ และการปรับผังการจราจรของชายฝั่งด้านตัวเมืองออสโล ผ่านชม พระบรมมหาราชวัง (ROYAL PALACE) และ AKERHUS FORTRESS สถานสำคัญประจำเมืองและมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่เหมาะแก่การแวะชมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จากนั้นนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งโบราณ (VIKING SHIP MUSEUM) จัดแสดงเกี่ยวกับเรือไวกิ้งที่สร้างจากไม้ ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยขุดได้จากรอบๆ ออสโลฟยอร์ด นอกจากนี้ยังจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือในชีวิตประจำวันที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี นำท่านชม อุทยานฟรอกเนอร์ หรือ สวนหิน (FROGNER PARK) อุทยานทางธรรมชาติที่มีประติมากรรมอันแสดงถึงความเป็นอยู่สภาพชีวิต และการดิ้นรนต่อสู้ ของมนุษย์ชาติ ซึ่งเป็นผลงานประติมากรชื่อดังของกุสตาฟ วิเกอร์แลนด์ โดยเฉพาะเสาหิน “โมโนลิธ” กลางสวนที่สูงถึง 17 เมตร ที่ยิ่งใหญ่ และมีชื่อเสียงที่สุดซึ่งท่านไม่ควรพลาดชมในหมู่ปฏิมากรรมทั้งหมด |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | จากนั้นนำท่านชม ลานกระโดดสกีโฮเมนโคเล่น (HOLMENKOLLEN SKI JUMP ARENA) นี้ตั้งสูงตระหง่านอยู่บนยอดเขา เป็นสถานที่จัดการ แข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1952 ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินออสโล |
17.50 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองเคิร์กเคเนส (KIRKENES) โดย สายการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SK 4478 |
20.00 น. | เดินทางถึง เมืองเคิร์กเคเนส (KIRKENES) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือสุดของนอร์เวย์ ไกลจากเส้นอาร์กติก 400 ก.ม. และห่างจากชายแดนรัสเซียเพียง 15 ก.ม. หรือรู้จักกันในนามของนครหลวงแห่งทะเลบาเร้นซ์ บ้านหลากสีสันสไตล์นอร์วีเจียน นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นเมืองสุดท้ายของเส้นทางเรือสำราญเหนือสุดของนอร์เวย์ HURTIGRUTEN นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก |
ที่พัก | THON KIRKENES HOTEL หรือเทียบเท่า หมายเหตุ : ทัศนวิสัยโดยรอบโรงแรมที่ค่อนข้างปลอดโปร่งไร้มลพิษ ช่วยให้มีโอกาสมองเห็นความสวยงามของแสงเหนือได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันนั้นๆ |
วันที่ 4 | เคิร์กเคเนส - KING CRAB SAFARI - โรงแรมหิมะ - ซาลิเซก้า (ฟินแลนด์) - ล่าแสงเหนือ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับกิจกรรมที่โด่งดังที่สุดของเคิร์กเคเนส จับปูยักษ์ (KING CRAB SAFARI) กิจกรรมที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1996 เรือ RIVERBOAT นำท่านสู่ BORIS GLEB สัญลักษณ์ที่ใช้เป็นเขตพรมแดนของนอร์เวย์-รัสเซีย ที่จะบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของคนทั้งสองประเทศที่ต่างการปกครอง เจ้าหน้าที่จะโชว์วิธีการจับปูยักษ์ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับปูยักษ์และปรุงอาหารมื้อพิเศษให้ท่านได้ลิ้มรสเนื้อปูยักษ์แบบสดๆ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน พิเศษ!!! เมนูปูยักษ์ลิ้มรสอาหารปรุงพิเศษจากเนื้อปูยักษ์แบบสดๆ |
บ่าย | นำท่านชม โรงแรมหิมะ (SNOW HOTEL) เป็นโรงแรมที่สร้างจากน้ำแข็งและหิมะทั้งหลังยกเว้นห้องอาหารและที่พักสำรองสำหรับผู้ที่ทนหนาวไม่ไหว ซึ่งเปิดให้บริการในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือน ธันวาคม - เมษายน ซึ่งหลังจากนั้นโรงแรมจะเริ่มละลายและต้องสร้างใหม่ ในช่วงหน้าร้อนโรงแรมแถบนี้จะมีบริการห้องพักแบบกระท่อมกระจกเป็นหลังๆ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลิเซก้า (SAARISELKA) อยู่ทางตอนเหนือของฟินแลนด์มีชื่อเสียงอย่างมาก ทางด้านที่พัก รีสอร์ทและเป็นพื้นที่ทางตอนเหนือของแลปแลนด์ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้มากที่สุด |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม แบบบุฟเฟ่ต์ |
ที่พัก | NORTHER LIGHT VILLAGE (GLASS VILLA) หรือเทียบเท่า |
21.00 น. | ให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ ออกตามล่าหาแสงเหนือ AURORA HUNTING โดยจะนำท่านนั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์ (REIDEER - SLEDDING) ยานพาหนะของซานตาครอส ไปตามทุ่งหิมะเพื่อตามล่าหาปรากฏการณ์แสงออโรร่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีแสงเรืองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยมักจะขึ้นในบริเวณแถบขั้วโลก โดยบางครั้งจะเรียกว่า แสงเหนือ หรือแสงใต้ ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดปรากฏการณ์แสงออโรร่าเป็นตัวอย่างปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ใกล้พื้นโลก อาจปรากฏเป็นวงนิ่ง แล้วระเบิดออกมาเป็นสีต่างๆ พุ่งกระจายภายในเวลาไม่กี่วินาที บางครั้งจะปรากฏเหมือนจะแตะกับพื้นหรือในเวลาอื่นอาจพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่ความจริงแล้วเกิดขึ้นที่ความสูงจากพื้นโลก (Altitudes) ประมาณ 100 ถึง 200 กิโลเมตร (กิจกรรมตามล่าแสงเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง) จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ที่พักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยยามค่ำคืนอันสุดแสนประทับใจ หมายเหตุ : ปรากฎการณ์ออโรร่าแสงเหนือนี้ เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ไม่สามารถกำหนดล่วงหน้าได้ การจะได้พบเห็นแสงเหนือจึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเห็นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และความปลอดโปร่งของท้องฟ้าในช่วงเวลานั้น |
วันที่ 5 | ซาลิเซก้า - โรวาเนียมิ - ฮัสกี้ซาฟารีฟาร์ม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองโรวาเนียมิ (ROVANIEMI) ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพทุ่งหิมะแห่งแลปแลนด์ และหากโชคดีท่านอาจได้พบเห็นฝูงกวางเรนเดียร์ที่ออกหากินในเวลากลางวันตลอดเส้นทางท่านจะได้เห็นภูมิประเทศอันแปลกตา หิมะ สลับกับทิวสน และผืนน้ำที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง นับเป็นทัศนียภาพอันแปลกตาและสวยงามมาก ซึ่งสามารถเห็นได้เพียงช่วงฤดูหนาวแห่งแลปแลนด์นี้เท่านั้น |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ฮัสกี้ซาฟารีฟาร์ม (HUSKY SAFARI) พร้อมสัมผัสกับความน่ารักและแสนรู้ของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ซึ่งเป็นสุนัขที่แข็งแรง คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลัง เป็นคุณสมบัติที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงของไซบีเรียให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์การนั่งรถลากเลื่อนโดยสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ พร้อมจิบชา กาแฟ เพื่อคลายหนาว |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | SCANDIC ROVANIEMI หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | โรวาเนียมิ - SNOW MOBILE - หมู่บ้านซานตาคลอส - เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล - เคมิ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านสัมผัสกับประสบการณ์อันน่าประทับใจในการ ขับขี่สโนว์โมบิล (SNOW MOBILE) พาหนะที่คล่องตัวที่สุดในการเดินทางบนหิมะหรือน้ำแข็ง โดยท่านจะได้รับคำแนะนำในการขับขี่ที่ถูกต้อง สนุกสนานและปลอดภัย จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ และชำนาญเส้นทางในการเดินทางท่องเที่ยวแบบสโนว์โมบิลซาฟารีมีการจัดเตรียมเครื่องกันหนาวให้ท่านอย่างครบถ้วนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตาคลอส (SANTA CLAUS VILLAGE) ดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ถ่ายรูปกับ เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (ARCTIC CIRCLE) เส้นแบ่งเขตแดนตามเส้นรุ้งและเส้นแวงเพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลจะอยู่ที่ 66 องศา 33 ลิปดา 44 ฟิลิปดาเหนือ เป็นตัวบ่งบอกจุดเหนือสุดที่ในเวลา 1 ปีคนที่อยู่แถบนี้ มีโอกาสไม่พบกับพระอาทิตย์ขึ้นเลยอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือพระอาทิตย์ไม่ตกเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง น ท่านแวะชม ซานตาคลอสออฟฟิศ (SANTA CLAUS OFFICE) หรือที่ทำการของซานตาคลอส ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสมากมาย พร้อมทั้งให้ท่านได้พบกับลุงซานตาคลอสตัวโตในชุดคริสต์มาสสีแดงที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม นำท่านแวะชม ที่ทำการไปรษณีย์ซานตาคลอส (SANTA CLAUS MAIN POST OFFICE) ท่านสามารถเลือกซื้อไปรษณียบัตรหลากหลายสีสันเพื่อเขียนอวยพรครอบครัวและมิตรสหาย พร้อมทั้งฝากซานตาคลอสส่งกลับมายังประเทศไทยได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นี้อิสระให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปในบริเวณหมู่บ้านซานตาคลอสที่ประดับประดาด้วยธีมคริสต์มาสอันสวยงามตามอัธยาศัยหรือจะเลือกซื้อของฝากของที่ระลึก ภายในหมู่บ้านซานตาคลอสแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเคมิ (KEMI) เมืองท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ริมอ่าวน้ำลึกบอธเนีย (Gulf of Bothnia) บริเวณทางตอนเหนือของทะเลบอลติก (Baltic Sea) มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 22,000 คน แต่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่มีความสำคัญของแลปแลนด์เนื่องจากเป็นที่ประจำการของเรือตัดน้ำแข็งและมีการจัดเทศกาลปราสาทในทุกๆ ปีนอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของเหมืองแร่โครเมี่ยมแห่งเดียวในทวีปยุโรปอีกด้วย เดินทางถึงเมืองเคมิ จากนั้นนำท่านท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | SCANDIC KEMI หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | เคมิ - SAMPO ICEBREAKER - SNOW CASTEL - รถไฟแบบตู้นอน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ ล่องเรือตัดน้ำแข็ง (SAMPO ICEBREAKER) ที่โด่งดังที่สุดในโลก หลังจากปลดประจำการแล้ว มีการนำมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความหฤหรรษ์กับประสบการณ์ใหม่ๆ จากเรือทลายน้ำแข็งที่บดทลายมากว่า 30 ปีในเขตอาร์กติก ในอดีตเป็นเรือตัดน้ำแข็งของรัฐบาลฟินแลนด์ ซึ่งใช้ล่องในอ่าวบอทเนีย มีน้ำหนักถึง 3,500 ตัน สร้างขึ้นในปี 1961 การล่องเรือแซมโป้ จะให้ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นที่สุดในช่วงเวลาที่น่าจดจำของธรรมชาติในอาร์กติก ในขณะที่เรือขนาดใหญ่แบ่งน้ำแข็งออกเป็นสองฝั่ง พร้อมกับชื่นชมความงามของทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ ประกอบกับท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกระทบปุยหิมะที่ปกคลุมเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เรือตัดน้ำแข็งนี้จะเจาะน้ำแข็งที่หนากว่า 1 เมตร เพื่อสร้างอ่างอาบน้ำที่หนาวจับขั้วหัวใจให้นักท่องเที่ยวลองท้าทายลงไปนอนลอยคอในน้ำแข็งแบบเย็นสุดขั้ว สัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่น่าตื่นตาตื่นใจกับการลอยตัวในทะเลน้ำแข็ง ด้วยชุดความร้อนพิเศษ (Warm Impermeable Survival Suits) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม SNOW CASTEL อันเป็นผลงานประติมากรรมระดับโลก โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 19 ในทุกๆปีของฤดูหนาว จะมีการรังสรรค์ผลงานอันยิ่งใหญ่ ทีมงานผู้ชำนาญการจะเริ่มการแกะสลัก และนำเอาน้ำแข็งก้อนมหึมามาตกแต่งเป็นรูปแบบต่างๆ รวมถึงการจำลองแบบให้เป็นเมืองน้ำแข็งที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยฝีมือมนุษย์ |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟเมืองเคมิ หมายเหตุ : กรุณาเตรียมกระเป๋าสำหรับค้างคืนบนรถไฟ 1 คืน เพื่อความสะดวกของท่าน |
19.29 น. | ออกเดินทาง นั่งรถไฟแบบ OVERNIGHT TRAIN สู่กรุงเฮลซิงกิ (HELSINKI) เชิญท่านหลับพักผ่อนบนรถไฟแบบตู้นอน ชั้น UPPER DESK WITH BUNK BED (เตียง 2 ชั้น) รวมห้องอาบน้ำและห้องน้ำในตัว (ไม่มีบริการพนักงานยกกระเป๋า ณ สถานีรถไฟ) |
วันที่ 8 | เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์) - โบสถ์หิน - ชมเมืองเฮลซิงกิ - มหาวิหารอุสเปนสกี้ - SENATE SQUARE - ล่องเรือสำราญ SILJALINE |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้าตรู่ | เดินทางถึง สถานีรถไฟกรุงเฮลซิงกิ (HELSINKI) เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์เจ้าของนาม “ธิดาแห่งทะเลบอลติก” นครลูกครึ่งที่มีประชากรกว่าสี่แสนคนที่นี่มีทั้งชาวฟินน์ และสวีดิช เนื่องจากฟินแลนด์เคยอยู่ในอารักขาของสวีเดนในอดีต ต่อมาในสมัยพระเจ้าชาร์ของรัสเซีย ได้ทรงขยายอำนาจเข้ามาในฟินแลนด์ และได้ย้ายเมืองหลวงมาตั้งอยู่ที่เฮลซิงกินับแต่นั้นมา จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเข้าชม โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ (TEMPPELIAUKIO CHURCH) หรือที่รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" (ROCK CHURCH) โบสถ์ซึ่งออกแบบโดยสองพี่น้องตัวโมและติโม ในปี ค.ศ. 1969 เป็นโบสถ์แบบรูเธอรันที่สร้างอยู่ภายในหินขนาดใหญ่มีการตกแต่งแบบทันสมัย และมีความเชื่อว่าหากใครก็ตามมาจุดเทียนอธิษฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้ก็จะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐานทุกประการ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เพราะว่ากันว่าคู่รักที่มาจัดพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งนี้จะครองรักกันยืนยาว นำท่านชม อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (SIBELIUS MONUMENT) ตั้งอยู่ในสวนซิเบลิอุส สร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่ Jean Sibelius นักประพันธ์เพลงคลาสสิก เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง ดูแปลกตา ทันสมัย เป็นผลงานของศิลปิน Eila Hiltunen สร้างโดยนำเอาแท่งเหล็ก 600 แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม กว้าง 10.5 เมตร ลึก 6.5 เมตร หนัก 24 ตัน ตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่า นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารอุสเปนสกี้ (USPENSKI CHURCH) เป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ สำหรับมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับรัสเซีย ที่เคยปกครองฟินแลนด์อยู่ถึง 108 ปี จากนั้นนำท่านสู่ จัตุรัสรัฐสภา (SENATE SQUARE) เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์และมหาวิหารใหญ่นิกายรูเธอรัน |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย |
บ่าย | อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งสินค้าตามอัธยาศัย |
15.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ เพื่อลง เรือสำราญ TALLINK SILJA LINE ที่พร้อมไปด้วย ร้านขายของ, คาสิโน, ร้านค้าปลอดภาษี, ร้านอาหาร, SAUNA, SPA ฯลฯ หมายเหตุ : กรุณาเตรียมกระเป๋าสำหรับค้างคืนบนเรือ 1 คืน เพื่อความสะดวกของท่าน |
16.30 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงสต็อกโฮล์ม (STOCKHOLM) โดยเรือสำราญ TALLINK SILJA LINE |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารบนเรือ แบบสแกนดิเนเวียนบุฟเฟ่ต์ |
ที่พัก | พักค้างคืนบนเรือสำราญ TALLINK SILJA LINE (SEA VIEW CABIN ห้องพักแบบเห็นวิวทะเล) หมายเหตุ : ในกรณีที่ห้องพัก SEA VIEW CABIN มีจำนวนห้องที่ไม่เพียงพอต่อคณะ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ในการคืนค่าใช้จ่ายให้ท่านล่ะ 700 บาท |
วันที่ 9 | สต็อกโฮล์ม (สวีเดน) - ชมเมืองสต็อกโฮล์ม - ศาลาว่าการ - สถานีรถไฟใต้ดิน - พิพิธภัณฑ์เรือวาซา - แกมล่าสแตน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือ เดินทางถึง ท่าเรือในกรุงสต็อกโฮล์ม จากนั้นนำท่านเที่ยวชม กรุงสต็อกโฮล์ม (STOCKHOLM) เมืองหลวงใหญ่แสนสวยของประเทศสวีเดน (SWEDEN) เป็นนครหลวงอันงดงามที่สุดในสแกนดิเนเวีย จนได้รับขนานนามว่า ราชินีแห่งทะเลบอลติก นำท่านเข้าชม ศาลาว่าการกรุงสต็อกโฮล์ม (CITY HALL) ซึ่งใช้เวลาสร้างถึง 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของสวีเดน คือ Ragnar Ostberg สร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8 ล้านก้อน และมุงหลังคาด้วยหินโมเสค สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1911 และทุกๆ วันที่ 10 ของเดือนธันวาคมของทุกปี จะมีพิธีเลี้ยงรับรองผู้ได้รับรางวัลโนเบล (Nobel Prize) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลกกรุงสต็อกโฮล์ม (STOCKHOLM METRO) เสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะใต้ดินที่ใหญ่ และยาวที่สุดในโลก เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1950 ปัจจุบันมีจำนวน 100 สถานี โดยเป็นสถานีใต้ดิน 47 สถานี และยกระดับ 53 สถานี มีจำนวน 10 เส้นทาง จัดเป็นกลุ่มสาย 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสายสีน้ำเงิน แดง และเขียว มีระยะทางยาวกว่า 110 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละสถานี จะมีความเป็นเอกลักษณ์ มีธีมโดยเฉพาะ ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ลวดลายสวยงาม ทั้งสวย ทั้งน่าตื่นตาตื่นใจ ถูกสร้างสรรค์โดยศิลปินกว่า 150 คน |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่าน เข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือวาซา (VASA MUSEUM) เป็นเรือที่ถูกกู้ขึ้นมาในศตวรรษที่ 17 เนื่องจากสามารถรักษาชิ้นส่วนเดิมของเรือไว้ได้กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ และตกแต่งประดับประดาด้วยรูปแกะสลักนับร้อยชิ้น เรือวาซาเป็นทรัพย์สมบัติทางศิลปะที่โดดเด่นและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลกในพิพิธภัณฑ์ประกอบไปด้วยนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับเรือลำนี้ 9 นิทรรศการ ยังมีภาพยนตร์เกี่ยวกับเรือวาซา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากที่สุด ในบรรดาพิพิธภัณฑ์ในสแกนดิเนเวีย จากนั้น อิสระช้อปปิ้งย่านแกมล่าสแตน (GAMLA STAN AREA) เป็นย่านเมืองเก่าที่อยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นอีกที่หนึ่งที่ผู้มาเยือน Stockholm ก็มักจะแวะมา "Gamla Stan" ในภาษาสวีเดน แปลว่า เมืองเก่า ที่นี่มีมาตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้งเมืองสต็อกโฮล์ม เป็นส่วนที่เก่าแก่และล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในเมืองเลยทีเดียวผสมผสานกับความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องจีน |
ที่พัก | QUALITY HOTEL GLOBE หรือเทียบเท่า |
วันที่ 10 | สต็อกโฮล์ม - สนามบินสต็อกโฮล์ม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
09.30 น. | นำท่านเดินทางเข้าสู่ สนามบินสต็อกโฮล์ม-อาร์ลันดา เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ มีเวลาให้ท่านได้ทำ TAX REFUND คืนภาษีก่อนการเช็คอิน |
13.30 น. | ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 961 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) |
วันที่ 11 | กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 11 | |
05.45 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม |
** ก่อนตัดสินใจจองทัวร์ควรอ่านเงื่อนไขการเดินทางและรายการทัวร์อย่างละเอียดทุกหน้าอย่างถ่องแท้แล้วจึงมัดจำเพื่อประโยชน์ของท่านเอง**
** กรณีที่มีผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ จะต้องมีเอกสารของผู้สนับสนุนดังนี้ **
**ในกรณีที่ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถ้าไม่ได้เดินทางพร้อมบิดา หรือ มารดา จำเป็นที่จะต้องมีหนังสือยินยอมที่ออกจากอำเภอ พร้อมแปล ภาษาอังกฤษ หรือ ถ้าเดินทางพร้อมกัน แต่บิดาหรือมารดา มีวีซ่าอยู่แล้วสามารถที่จะแสดงหน้าสำเนาหนังสือเดินทางของบิดาหรือมารดา พร้อมกับ สำเนา หน้าวีซ่า Schengen ที่ยังมีอายุการใช้งานได้ แนบพร้อมกับตั๋วเครื่องบินที่สามารถยืนยันได้ว่าไปพร้อมกันจึงจะสามารถยกเว้น หนังสือยินยอมได้**
เวลาการอนุมัติผลวีซ่าประมาณ 15 วัน ทำการ ไม่รวมวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือ อาจช้าหรือเร็วกว่ากำหนดขึ้นอยู่กับสถานทูต ระหว่างพิจารณาไม่สามารถดึงเล่มออกมาก่อนได้
**การพิจารณาผลVISA ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางสถานทูต ทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาใดๆทั้งสิ้น บริษัทเป็นเพียงตัวแทนที่คอยอำนวยความสะดวกในการยื่นวีซ่าเท่านั้น ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงิน ในกรณีที่visa ไม่ผ่านทุกกรณี**
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel