ภูมิประเทศของศรีลังกา : ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลูกคลื่น มีภูเขาสูง มีที่ราบเป็นบริเวณแคบ
ภูมิอากาศของศรีลังกา : มีอากาศแบบร้อนชื้น ฝนตกชุกในช่วงฤดูมรสุม
เวลาของศรีลังกา : เวลาที่ศรีลังกาช้ากว่าเมืองไทย 1.30 ชั่วโมง
ศาสนาของศรีลังกา : ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทร้อยละ 70 ศาสนาฮินดูร้อยละ 15 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 8 c และศาสนาอิสลามร้อยละ 7 และอื่นๆ ร้อยละ 1
ภาษาของศรีลังกา : ใช้ภาษาสิงหลและภาษาทมิฬเป็นภาษาราชการ ส่วนภาษาอังกฤษใช้ติดต่อสื่อสารทั่วไปในภาครัฐ
วีซ่าเข้าประเทศศรีลังกา : คนไทยเข้าศรีลังกาโดยไม่ต้องทำวีซ่า และสามารถอยู่ได้นานถึง 30 วัน รวมทั้งขอต่อได้ถึง 90 วัน
วันชาติของศรีลังกา : 4 กุมภาพันธ์ (วันประกาศเอกราช)
ระบบการปกครองของศรีลังกา : ปกครองด้วยระบบสาธารณรัฐภายใต้ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐและหัวหน้าฝ่ายบริหาร (Head of State and Head of Government) และดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ ประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน อยู่ในตำแหน่ง คราวละ 6 ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย วันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 เป็นวันประกาศอิสรภาพจากฝรั่งเศสและวันที่ 2 กันยายน เป็นวันชาติของเวียดนาม
สกุลเงินของศรีลังกา : ศรีลังการูปี (Sri Lankan Rupee) 1 รูปีมี 100 เซ็นต์) ธนบัตรมีใบละ 10, 20, 50, 100, 200, 500 และ 1,000 คิดเป็นเงินไทย 1 บาท เท่ากับ 1.5 รูปี
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของศรีลังกา
อนุราธปุระ (Anuradhapura) ราชธานีแห่งแรกของศรีลังกา อยู่ทางเหนือของประเทศห่างจากกรุงโคลอมโบ 206 กิโลเมตร นับย้อนไปภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในปีพุทธศักราชที่ 1 พระเจ้าวิชัยจากแคว้นคุชราต ประเทศอินเดียได้แผ่อาณาเขตครองแผ่นดินศรีลังกาเป็นครั้งแรกที่เมืองตัมพปัณณิ ทรงรวบรวมแว่นแคว้นน้อยใหญ่ พระเจ้าวิชัยทรงครองราชย์ได้ไม่นานก็สิ้นรัชกาล ครั้นถึงราชกาลที่ 5 พระเจ้าปัณฑุกาภัย ทรงเลือกเอาเมืองอนุราธปุระขึ้นราชธานีและสร้างความรุ่งเรืองต่อเนื่องยาวนานถึง 1,500 ปี กษัตริย์ทุกพระองค์ทรงตั้งพระทัยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับการสร้างเมืองเสมือนดังบรมราชานุสรณ์ ด้วยเหตุนี้อนุราธปุระจึงได้ชื่อว่า “เป็นพิพิธภัณฑ์ของพระมหาเจดีย์และปราสาทราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ”
พระศรีมหาโพธิ์ : |
|
|
ต้นไม้แทนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คงจำกันได้ถึงภาพวาดประทับใจ พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาในพระเจ้าอโศก นำกิ่งโพธิ์ซึ่งตอนจากต้นเดิมที่พุทธคยา สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในประเทศอินเดีย นำมาถวายพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะเมื่อพุทธศักราช 126 และทรงปลูกในสวนเมฆวันนี้ นับแต่นั้นอาณาบริเวณนี้ได้รับการยกย่องเป็นแผ่นดินแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และมีคุณค่าต่อชาวศรีลังกาเป็นต้นมา |
เจดีย์ถูปาราม : เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาองค์แรกที่สร้างขึ้นในเกาะลังกา โดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ทรงสร้างขึ้นราว พ.ศ. 300 ซึ่งเป็นเจดีย์หรือสถูปที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองอนุราธปุระ และในเกาะลังกา เพื่อประดิษฐานกระดูกพระรากขวัญ (ไหปราร้า) เบื้องขวาของพระพุทธ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ในลังกาเรียกว่า วฏะทาเค ตั้งอยู่บนลานทักษิณ ทุกคนต้องถอดรองเท้าก่อน แล้วเดินขึ้นบันได 8 ขั้น จึงถึงลานองค์เจดีย์
กัลวิหาร เมืองโปโลนนารุวะ : กัลวิหารแปลว่า วิหารหิน หรือ อารามหิน เดิมชื่อ อุตตราราม สร้างโดยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ใน พ.ศ. 1696 – 1729 เป็นวิหารที่สลักบนหินแกรนิตโดยสลักเป็นพระพุทธรูป 4 องค์เรียงอยู่ในแนวเดียวกัน
วิหารวฏะทาเค : เป็นรูปทรงแบบลอมฟางมีเสาหินเรียงรายอยู่ 3 แถวโดยรอบ แต่เดิมมีหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องครอบอยู่ตรงกลางเป็นเจดีย์ทรงกลม มีพุทธรุปปางสมาธิประดิษฐานอยู่หน้าเจดีย์ทั้ง 4 ด้าน
ภูเขาสิกิริยาและพระราชวังสิกิริยา : |
|
|
พระเจ้ากัสสปะ ทรงสร้างสีคีรีนี้ให้เป็นพระราชวังที่ประทับและป้อมปราการ เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยสงคราม ซึ่งทรงประทับอยู่ที่นี่นานถึง 18 ปี ก็ถูกกองทัพของเจ้าชายโมคคัลลาน์ (พระอนุชาต่างมารดา) แย่งชิงราชบัลลังก์คืน พระเจ้ากัสสปะไม่มีทางสู้และขาดเสบียงอาหารจึงปรงพระชนชีพพระองค์เองด้วยดาบ ในพระราชวังบนภูเขาสีคิริยะแห่งนี้ |
วัดถ้ำดัมบุลลาและถ้ำดัมบุลลา : วัดนี้ประกอบด้วยถ้ำ 5 ถ้ำ ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดคือถ้ำลำดับที่ 4 เป็นถ้ำที่มีความน่าสนใจที่สุด มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเต็มไปทั้งเพดานถ้ำ
วัดพระเขี้ยวแก้ว : เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว พระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งเป็นพระเขี้ยวแก้วเพียงองค์เดียวที่ปรากฏบนโลกมนุษย์โดยมีหลักฐานรองรับความถูกต้องตรงตามพระคัมภีร์มหาวังศา โดยเชื่อกันว่าหากเมื่อใดพระเขี้ยวแก้วถูกนำออกนอกเกาะลังกาแล้ว จะนำภัยพิบัติมาสู่ประเทศชาติและยังเชื่อว่าหากเมื่อใดที่เกิดทุกข์ภัยขึ้น การเปิดอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วออกให้ผู้คนสักการะบูชาจะสามารถขจัดเภทภัยต่างๆได้
วัดกัลณียา เมืองโคลัมโบ : ตามพงศาวดารมหาวงศ์ กล่าวว่าในพรรษาที่ 8 หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาเทศน์โปรดพญานาคาที่บริเวณวัดกัลณียาแห่งนี้ ต่อมาได้มีการสร้างพระเจดีย์ครอบบริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นพุทธอาสนะในครั้งนี้
ภาษาศรีลังกา
อายุบวร : สวัสดี(ใช้ได้ทุกเวลา), อายุยาว |
ซูเปอะราเตีย : ราตรีสวัสดิ์ |
อีสตูติ : ขอบคุณ |
โบโฮมะ อีสตตู : ขอบคุณมาก |
โคโฮมาเดอะ : คุณสบายดีหรือ |
วาราดัคเน : สบายดี |
คารูนา เคอเรอรา : ขอโทษ, ได้โปรด |
เจหริโอ่ : ลาก่อน |
เนเวอเตอะ ฮามุอีมุ : พบกันใหม่ |
คามักแน : ไม่เป็นไร |
ฮาริ ฮอนได : ตกลง, ดีมาก |
ฮามุวีเมอะ ซาตูตะ : ยินดีที่ได้รู้จัก |
โอยา ลักษณะนัย : คุณสวยมาก |
มาเมอะ อาเดอเร โอยาเตอะ : ผมรักคุณ |
ฮาเดอ วัสซั่ม : คุณหล่อมาก |
โอว : ใช่ |
แน : ไม่ใช่ |
แววา, แวหวะ : ร้านค้า |
วาซิกคีเรีย : ห้องน้ำ |
วอตูระ : น้ำดื่ม |
เต(คุนุเต) : ชา(ชาร้อน) |
|
|