วันที่ 1 | กรุงเทพฯสนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงอิสตันบูล |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
07.30 น. | คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 สายการบิน TURKIST AIRLINE เคาน์เตอร์ Uประตู 9ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน |
10.05 น. | เหิรฟ้าสู่ เมืองอัลมาตี้ประเทศคาซัคสถาน โดยสายการบิน AIR ASTANA เที่ยวบินที่ KC-932 (มีบริการอาหารและเครื่องบนเครื่อง) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6.30 ชั่วโมง) |
16.35 น. | เดินทางถึงสนามบิน ณ เมืองอัลมาตี้ แวะเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยัง กรุงอิสตันบูล (ใช้เวลารอต่อเครื่องประมาณ 1.20 ชั่วโมง) |
17.55 น. | เหิรฟ้าสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน AIR ASTANA เที่ยวบินที่ KC911 (ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 4.30 ชั่วโมง) |
21.05 น. | เดินทางถึง สนามบินนานาชาติอตาเติร์กกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกีหลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง |
ที่พัก | ISTANBUL PARK IN BY RADISSON HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | อิสตันบูล - สุเหร่าสีน้ำเงิน - ฮิปโปโดรม - สุเหร่าเซนต์โซเฟีย - เมืองชานัคคาเล่ - ม้าไม้จำลองเมืองทรอย |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ** ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า และ จำเป็นต้องต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม** จากนั้นไม่ไกลนำทุกท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน Blue Mosque หรือ Sultan Ahmet Mosque ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7 จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (SAINT SOPHIA) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง สุเหร่าเซนต์โซเฟีย ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | หลังจากนำท่านสู่ แวะถ่ายรูปเพื่อชม ม้าไม้จำลองเมืองทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงทรอยแตกสงครามม้าไม้ เป็นสงครามที่สำคัญตำนานของกรีกและเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอยหลังจากสู้รบกันเป็นเวลาสิบปี กองทัพกรีกก็ได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ที่เรียกว่าม้าไม้เมืองทรอย โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันแล้วก็ทำการเข็นไปไว้หน้ากรุงทรอยเหมือนเป็นของขวัญและสัญลักษณ์ว่าชาวกรีกยอมแพ้สงครามและได้ถอยทัพออกห่างจากเมืองทรอย ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจันก็ต่างยินดีว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพไปแล้วก็ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมืองแล้วทำการเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่เมื่อชาวทรอยนอนหลับกันหมด ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากม้าโทรจันแล้วทำการเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้ามาในเมืองแล้วก็สามารถยึดเมืองทรอยได้ ก่อนที่จะทำการเผาเมืองทรอยทิ้ง จากนั้นนำท่านสู่ เมืองไอยวาริค AYVALIK ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | AYVALIK/CANAKKALEIRIS HOTEL ***ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เมืองคูซาดาซึ - เมืองโบราณเอฟฟิซุส - บ้านพระแม่มารี - วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ - ร้านขนม TURKISH DELIGHT - ปามุคคาเล่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (KUSADASI)(ระยะทาง 199 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณนำท่านเดินทางชม โรงงานเครื่องหนัง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องหนังขั้นหลากหลาย ให้ทุกท่านได้ทดลองการเป็นนายแบบและนางแบบเสื้อหนังต่างๆตามอัธยาศัย นำท่าน เดินบนถนนหินอ่อน ผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต นำท่านชม บ้านพระแม่มารี (HOUSE OF VIRGIN MARY)ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้างหลังนี้ ถูกค้นพบอย่าปาฏิหาริย์ โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich เมื่อปี ค.ศ. 1774-1824 ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นห้าบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตปาปา โป๊ป เบเนดิกส์ที่ 6 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้าน มีก๊อกน้ำสามก๊อก ที่ มีความเชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้ายแล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำท่านชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ (THE TEMPLE OF ARTEMIS)1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ และแวะ ถ่ายรูปโบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (ST.JOHNCASTLE)สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป มัสยิดอิสเบ ISA BEY MOSQUE เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของยุคจักรวรรดิ Seljuk ในช่วงปลายคริสต์ ค.ศ. 1400 นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัสมัสยิด ISA BEY MOSQUE ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่ จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม (TURKIST DELIGHT)ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | PAMUKKALE COLASSEA THERMAL HOTEL ***ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | ปราสาทปุยฝ้าย - เมืองเฮียราโพลิส - เมืองคอนย่า - พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า - คัปปาโดเกีย - ระบำหน้าท้อง |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเข้า ชม โรงงานทอพรม สิ่งท่อขึ้นชื่อของประเทศตุรกี เป็นพรมท่อมือ สามารถเลือกชมเลือก ซื้อได้ตามอัธยาศัย |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA)ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง นำทุกท่านสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (MEVLANA MUSEUM)เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิโดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ยส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาทภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิมและยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตร ของเมฟลาน่าด้วย จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างทางแวะถ่ายรูป CARAVANSARAI ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง”หรือ Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน(บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง) |
ที่พัก | โรงแรมสไตล์ถ้ำ!! BURCUKAYA HOTEL***หรือเทียบเท่า (คัปปาโดเกีย) **หมายเหตุ:กรณีห้องพักโรงแรมถ้ำเต็ม ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเป็นโรงแรมเทียบเท่าระดับเดียวกัน** |
วันที่ 5 | คัปปาโดเกีย - นครใต้ดิน - เมืองเกอเรเม - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง - หุบเขาอุซิซาร์ - เมืองอังการ่า |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
Optional Tour | 1. บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) ** สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 04.30-05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียหรือปามุคคาเล่ในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30-45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูนท่านละ 230-250เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (USD.)ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน ** 2. รถจี๊บทัวร์ (Jeep Tour) ** สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเจียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00-06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเจียบริเวณภาคพื้นดิน ในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊บประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊บอยู่ที่ท่านละ ประมาณ 100-150 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (USD.)ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการนั่งรถจี๊บ ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน ** ** คำแนะนำ ** - เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็คเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกันเป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์เมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำและระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำทุกท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เมืองเกอเรเม (GOREME MUSEUM)ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ระหว่างทางนำท่านได้ชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ (SALT LAKE) จากนั้นนำทุกท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอังการ่า (ANKARA)หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า ANGORA เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ ๒ รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ในตุรกี ความสำคัญของกรุงอังการา กรุงอังการามีประชากรจำนวน 4,965,542 คน ทำให้กรุงอังการาเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ ๒ ของตุรกี และอันดับ ๒ ในกลุ่มเมืองหลวงยุโรป ในขณะที่นครอิสตันบูลเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมาร์มารานั้น กรุงอังการาก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาคอนาโตเลีย โดยเป็นจุดตัดของการคมนาคมทางบก (รถยนต์และรถไฟ) ที่เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ของตุรกีเข้าด้วยกัน และเป็นศูนย์กลางตลาดสินค้าเกษตรที่ขนส่งมาจากภาคต่าง ๆ ทั่วตุรกีด้วย |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | ANKARA TURIST HOTEL |
วันที่ 6 | กรุงอิสตันบูล - ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส - ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต - พระราชวังทอปกาปึ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางต่อสู่ กรุงอิสตันบูล ISTANBUL ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง (ระยะทาง 450 กิโลเมตร) |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำทุกท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส จุดที่บรรจบกันของทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งทำให้ประเทศตุรกีได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งสองทวีป ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมทะเลดำทะเลมาร์มาร่า เราจะได้เห็นป้อมปืนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบได้แก่ Rumeli Castle และ Anatolia Castle โดยจุดชมวิวที่สำคัญคือสะพาน แขวนบอสฟอรัส เชื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งข้ามฝั่งยุโรปและเอเชียได้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1973 มีความยาวทั้งสิ้น 1,560 เมตร และได้กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลกในสมัยนั้น (ปัจจุบันตกไปอยู่อันดับที่ 21) ขณะที่ล่องเรือพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่และบ้านเรือนของบรรดาเหล่าเศรษฐีที่สร้างได้สวยงามตระการตา |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | ISTANBUL PARK INN BY RADISON HOTEL***ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | เมืองอิสตันบูล - เมืองอัลมาตี้ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ได้เวลาอันสมควร นำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบิน |
09.40 น. | เหิรฟ้าสู่ กรุงอัลมาตี้ประคาซัคสถาน โดยสายการบิน AIR ASTANA เที่ยวบินที่ KC914 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) |
18.05 น. | เดินทางถึง สนามบินอัลมาตี้ เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง (ระหว่างเปลี่ยนเครื่องมีอาหารและเครื่องดืมเป็น SET BOXบริการ) |
วันที่ 8 | เมืองอัลมาตี้ - สนามบินสุวรรณภูมิ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
01.10 น. | เหิรฟ้าสู่ สนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย โดยสายการบิน AIR ASTANA เที่ยวบินที่ KC931 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6.30 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) |
08.55 น. | คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ |
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
ทุกวัน : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel