วันที่ 1 | กรุงเทพ - อิสตันบูลประเทศตุรกี |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
18.00 น. | พร้อมคณะที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 เคาน์เตอร์สายการบิน TURKISH AIRLINES เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน |
22.35 น. | ออกเดินทางสู่ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เที่ยวบินที่ TK 65 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.25 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และ สายการบินฯ บริการ อาหารกลางค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี |
วันที่ 2 | อิสตันบูล - กรุงลิสบอนโปรตุเกส - โอลด์ซิตี้ - หอคอยบีเล็ม - ชมภายในวิหารเจโรนิโมส |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
05.20 น. | เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี รอเปลี่ยนเที่ยวบิน |
08.25 น. | ออกเดินทางจาก กรุงอิสตันบูล โดย สายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK1755 |
10.25 น. | สนามบินนานาชาติกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองพร้อมรับกระเป่าสัมภาระ จากนั้นำนท่านสู่ กรุงลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตโย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และเป็นเมืองที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตอนใต้บนคาบสมุทรไอบีเรีย (เวลาโปรตุเกส ... ฤดูร้อน (เม.ย.-ต.ค.) ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | นำท่านชม กรุงลิสบอน LISBON ชมทัศนียภาพของ แม่น้ำเตโย (TEJO) ที่ไหลผ่านใจกลางเมืองลิสบอน เป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลราวกับทะเล และยิ่งกว่านั้นโปรตุเกสถูกโอบล้อมด้วยชายหาดยาวกว่า 170 กม.ของผืนมหาสมุทรแอตแลนติกจากนั้นผ่านชมบริเวณเมืองเก่าลิสบอน “โอลด์ซิตี้” และจัตุรัสการค้าที่สร้างขึ้นในสมัยมาร์ควิส เดอ ปอมแปล เป็นนายกรัฐมนตรี ผ่านชม สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในยุโรปซึ่งสะพานนี้มีชื่อว่า PONTE 25 ABRIL (ซึ่งเมื่อวันที่ 25 APRIL ปี 1974 ได้เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอประชาธิปไตย) นำท่านเก็บภาพประทับใจกับ หอคอยบีเล็ม (BELEM TOWER)โบราณสถานที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมเก่าสมัยที่นคร ลิสบอนอยู่ภายใต้การยึดครองของชนชาติมัวร์เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อใช้เป็นป้อมปราการประภาคาร และยังเป็นคุกอีกด้วยอดีตเคยเป็นป้อมรักษาการณ์เดินเรือเข้าออกและเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือ จากนั้นนำท่านเข้าชม ภายในวิหารเจโรนิโมส เป็นวิหารเก่าแก่ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของโปรตุเกส โดยภายในวิหารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manuelline) มีลวดลายของซุ้มประตูแกะสลักที่สวยงาม ซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 70 ปี สร้างในสมัยศตวรรษที่16 โดยกษัตริย์แมนนูเอลที่ 1 องค์สำคัญที่สุดที่ได้สร้างชื่อเสียงให้โปรตุเกส วิหารแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ภายในของสถานที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาของกษัตริย์ที่มีฐานะเป็นอาราม และยังเป็นที่ฝังศพของ วาสโก ดากามา (Vasco da Gama) นักเดินเรือสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ชาวโปรตุเกส ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการค้นพบเส้นทางเดินเรือจากเมืองลิสบอน สู่มหาสมุทรอินเดีย วิหารนี้ได้รับรองจากองค์การยูเนสโก้ว่าให้เป็นมรดกโลก จากนั้นแวะร้านขนมชื่อด้งเชิญท่าน ลองชิมขนมทาร์ตคัสตาร์ด (Nata de Pasteis) ในร้านขนมเก่าแก่ที่ให้บริการมากว่าร้อยปี และชิมขนมโปรตุเกสต้นตารับของขนมไทย อาทิ ทองหยอด, ฝอยทองที่มีต้นตำรับแท้อยู่ที่โปรตุเกสและเข้าไปเผยแพร่ในกรุงศรีอยุธยา โดยท่านท้าวทองกีบม้า |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
ที่พัก | MERCURE ALMADA หรือระดับเดียวกัน |
วันที่ 3 | ซินทร้า - Pena Palace - แหลมโรก้าเค้ป เดอรอก้า - เซบียา - จตุรัสแห่งเมืองเซบียา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่ เมือง ซินทรา Sintra เป็นเมืองเล็ก ๆ สงบ น่ารักอยู่กลางป่า บนยอดเขามีปราสาทปีน่า Pena Palace ปราสาทยุคอัศวินซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้กลางอุทยานแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นเมืองมรดกโลก ที่มีพระราชวังแห่งชาติ (National Palace) พระราชวังเคลุซ (Queluz) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองนี้เมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรป นำท่านเดินทางสู่ แหลมโรก้าเค้ป เดอรอก้า CABO DA ROCA สถานที่สุดท้ายที่มีแผ่นดิน ก่อนจะถึงมหาสมุทรแอตแลนติดอิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเซบียา SEVILLA |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เมืองเซวิลล์ หรือ เซบียา SEVILLA เมืองใหญ่อับดับ 4 ของสเปนและเป็นเมืองหลวงของแคว้นอันดาลูเซียที่เรียกได้ว่าจุดเด่นของสเปนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเหล้าเชอรี่ วัวกระทิง หรือระบำฟลามิงโก รวมอยู่ด้วยกันที่นี่ ด้วยภูมิประเทศ และภูมิอากาศที่เหมาะสมทำให้กลุ่มคนที่ถือว่ามีอารยธรรมสูงหลายกลุ่มผลัดกันเข้ามาครอบครองเซบียาอย่างต่อเนื่องทั้งจากแอฟริกาจากโรมัน วิสิโโกธ อาหรับจนถึงสมัยพระนางอิซซาเบลล่าที่ 1 กับพระเจ้าเฟอร์ดินานยกทัพมาตีและได้ครอบครองเซบียาในปี ค.ศ. 1448 ดังนั้นสิ่งที่หลงเหลือจากที่เหล่าผู้ปกครองแต่ละยุคสมัยทิ้งไว้คือ การผสมผสานทางวัฒนธรรมที่เห็นได้ทั้งจากโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวิทยาสาขาต่าง ๆ นำท่านชมความงามของสถาปัตยกรรมของ ปลาซา เดอ เอสปาญา (Plaza de Eapana) จตุรัสแห่งเมืองเซบียา อาคารรูปครึ่งวงกลมเรียงต่อกันเป็นแนวยาว แต่ละโค้งประตูจะมีตราประจำจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษรฝั่งตรงข้ามเป็นอุทานยานมาเรียลุยซ่า ร่มรื่นงดงามตระการตาและแฝงไปด้วยความโรแมนติคอิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | AC SEVILLA FORUM หรือระดับเดียวกัน |
วันที่ 4 | กรานาด้า - กอร์โดบา - สะพานแบบโรมัน (ปูเอนเต้ โรมาโน) - ชมภายในมัสยิดเมสกิต้า |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่ เมืองกรานาด้า GRANADA อดีตเมืองหลวงของพวกมัวร์ เมืองที่มีความเจริญสูงสุดทั้งทางวัตถุ และศิลปะที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของพวกมัวร์และชาวยิวเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่งดงามย้อนกลับไปในทุ่งและโรมันเป็นพันๆ ปีที่ผ่านมา การผสมผสานของแอฟริกาเหนือ และวัฒนธรรมยุโรป และความคิด เมืองที่ยังคงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากรากของมัวร์ ระหว่างเดินทางชมทัศนียภาพของสเปนตอนใต้ |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ กอร์โดบา CORDOBA ที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรเม็ดเอกแห่งแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองโรมันเก่าซึ่งเป็นเมืองหลวงของบาติกาอดีตเป็นศูนย์กลางการปกครองยุคอิสลามเรืองอำนาจ เป็นเมืองที่มีศิลปะวัฒนธรรมระหว่างมุสลิมและคริสเตียน นำท่านชม สถาปัตยกรรมสะพานแบบโรมัน (ปูเอนเต้ โรมาโน) ทอดตัวข้ามแม่น้ำกวาดัลกีบีร์ จากนั้นนำท่านเข้าชม ภายในมัสยิดเมสกิต้า สุเหร่าที่มีชื่อเสียง และเคยได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งในช่วงปี ค.ศ. 700 ถึง 800 มีอายุกว่า 1,200 ปี เป็นเสมือนเพชรยอดมงกุฎของสถาปัตยกรรมอาหรับที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก และถือได้ว่ามหัศจรรย์มาก ที่สุเหร่าของศาสนามุสลิมอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ชมความยิ่งใหญ่และสวยงาม ภายในที่สร้างไว้อย่างมหัศจรรย์ด้วยเสาหินอ่อนสีต่าง ๆ จำนวน 900 ต้น เรียงรายสับหว่างกันอย่างสวยงาม และเพดานแบบศิลปะแขกมัวร์ที่หาชมที่อื่นไม่ได้ |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | AC HOTEL CORDOBA หรือระดับเดียวกัน |
วันที่ 5 | โทเลโด้ - ชมภายในมหาวิหารแห่งโทเลโด้ - มาดริด - ระบำฟลามิงโก |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่ เมืองโทเลโด้ TOLEDO เมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความหมายว่า ”เมืองป้อมน้อย” ในอดีตเป็นเมืองหลวงเก่าของสเปน และเคยถูกชาวโรมันเข้ายึดครองเมืองเมื่อ 2,200 ปีมาแล้ว ปัจจุบันอารยธรรมของชนต่างชาติครั้งก่อน ยังคงฝังแน่นคละกันอยู่ในชีวิตประจำวันของชาวเมือง ลักษณะผังเมืองโทเลโด้ เป็นเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชมที่สุดของการจัดสร้างเมืองโบราณอันสมบูรณ์แบบ ตัวเมืองราย ล้อมด้วยเนินเขามากมาย ประดุจกำแพงธรรมชาติด้วยหุบผา3 แห่งโดยมีแม่น้ำทาโคเป็นเส้นทางคมนาคม นอกจากนี้เมืองโทเลโด้เป็นใจกลางของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ปัจจุบันได้รับรองจากยูเนสโก้ประกาศให้เมืองเก่าโทเลโด้เป็นเมืองมรดกโลก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง !!เมนูพิเศษ ให้ท่านลิ้มรสข้าวผัดสเปนอันหอมกรุ่นกับซีฟู้ด |
บ่าย | นำท่านเข้าชม ภายในมหาวิหารแห่งโทเลโด้ (TOLEDO CATHEDRAL) มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในสเปน เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1227 อันเป็นสมัยที่ศิลปะแบบโกธิคกำลังแพร่หลายอยู่ในยุโรป และเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ. 1493 ถือเป็นมหาวิหารสไตส์โกธิคที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางแห่งศาสนาคริสต์ในประเทศสเปนอีกด้วย ชมห้องเก็บสมบัติของบิช็อบแห่งโทเลโด้ ที่เต็มไปด้วยมงกุฎ และคฑาเพชร จากนั้นนำท่าน เดินลัดเลาะตามตึกรามบ้านช่องเก่าแก่สมัยโรมัน ท่านจะประทับใจกับความงดงามและความเก่าแก่ของโทเลโด้ ซึ่งเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ทั้งเมือง นำท่านชม โรงงานผลิตเครื่องถมของสเปน ดามาสกิโน่ ที่สวยงามด้วยการนำทองและเงินมาตีเป็นเส้น และตอกลงบนโลหะสีดำ เป็นงานฝีมือที่มีชื่อเสียงของโทเลโด้มาช้านาน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงแมดดริด MADRID ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2ได้ทรงย้ายที่ประทับ จากเมืองโทเลโด้มาไว้ที่นี่และประกาศให้แมดดริดขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ ตั่งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง พร้อมชมระบำฟลามิงโกอันลือชื่อของสเปน ชมลีลาที่ซับซ้อนทั้งเพลงดนตรีและการเต้นรำ ซึงถือว่าเป็นศิลปะประจำชาติและมีชื่อเสียง |
ที่พัก | FORUM ALCALA หรือระดับเดียวกัน |
วันที่ 6 | มาดริด - ชมภายในพระราชวังหลวง PALACIO REAL - ซาราโกซ่า - เอสปัญนา พลาซ่า - มหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม กรุงแมดดริด MADRID ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเริ่มจากบริเวณพลาซ่ามายอร์ จตุรัสหลวงศูนย์กลางเมืองเก่าที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1619 โดยกษัตริย์ฟิลลิปที่ 3 ด้วยศิลปะผสม ออสเตรีย-สเปน นำท่านเข้าชม ภายในพระราชวังหลวง PALACIO REAL ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ดัดแปลงมาจากกรีก-โรมัน โดยด้านนอกตกแต่งในสไตล์แบบอิตาเลี่ยน ส่วนภายในตกแต่งแบบฝรั่งเศส โดยสร้างขึ้นแทนพระราชวังอัลคาซาร์ ซึ่งถูกไฟไหม้เมื่อ ค.ศ.1734 ชมบริเวณ ประตูพระอาทิตย์ Puerta del Sol จุดศูนย์กลางเมืองที่เป็นย่านการค้า-ร้านอาหาร ให้ท่านถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์หมีเกาะต้นสตรอเบอรี่ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ประจำกรุงแมดริด จากนั้นเก็บภาพประทับใจบริเวณ จัตุรัสแห่งสเปน ที่มี อนุสาวรีย์ของดอนกีโฆเต้ นวนิยายชื่อดังของมิเกล เด ซาเวนเตสน้ำพุที่จัตุรัสซีเบเลส ชมรูปแกะสลักหินอ่อน เทพธิดาซีเบเลส นั่งบนรถซึ่งเทียมด้วยสิงห์โต 2 ตัว แกะสลักด้วยหินอ่อน |
กลางวัน | อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูพิเศษ ลิ้มรสหมูหันสเปน |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองซาราโกซ่า ZARAGOZA อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเเคว้นอารากอน ถือว่าเป็นเเคว้นเก่าเเก่ที่มีบทบาทในการก่อตั้งราชอาณาจักรสเปนเลยทีเดียว ระหว่างเดินทางท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติของภูมิภาคสเปนตอนกลาง และเมืองนี้ยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของทวีปยุโรป ชมความงดงามภายนอกของ สถาปัตยกรรมของเอสปัญนา พลาซ่าจัตุรัสใจกลางเมืองที่มีความเก่าเเก่มาตั้งเเต่สร้างเมือง เเละได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองซาราโกซาอีกด้วย ผ่านชม มหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ วิหารขนาดใหญ่ที่มีความเก่าเเก่ของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ตัวของวิหารนั้นมีการก่อสร้างมาในเเบบบาร็อคอันสวยงามเเละโดดเด่นด้วยหอคอยสูง ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความนิยมในการเดินขึ้นไปเที่ยวชมยังหอคอยเพื่อชมความสวยงามของทิวทัศน์เมืองซาราโกซาอันเก่าเเก่อีกด้วย นับว่าที่นี่เป็นเเหล่งชุมนุมของบรรดานักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชมความสวยงามของเเลนด์มาร์ค ณ เมืองเเห่งนี้ |
ที่พัก | EUROSTARS ZARAGOZA HOTEL หรือ เทียบเท่า |
วันที่ 7 | บาร์เซโลน่า - ชมภายในมหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย - สวนสาธารณะปาร์ค กูเอล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม เดินทางสู่ เมือง บาร์เซโลน่า BARCELONA เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของสเปนและยังเป็นหนึ่งที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม อาหาร และความมีชื่อเสียงด้านกีฬาแล้ว เมืองบาร์เซโลน่า ยังมีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมอันหลากหลายในส่วนต่างๆ ของเมือง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | นำท่านเข้าชมภายใน มหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย (Sagrada Familia) โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่มีความสูงมากที่สุดในโลกและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาร์เซโลนา เป็นงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของอันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ ซากราดา แฟมิเลีย มีความสูง 170 เมตร ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงานชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็นเพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังคงรายละเอียดละเมียดละไม สังเกตจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายใน แสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมกับเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ก่อนจะสิ้นลมใต้เงาของยอดโบสถ์นั่นเอง จากนั้นนำท่านชม ปาร์ค กูเอล Park Guell หรือ "สวนสาธารณะปาร์ค กูเอล" คือสวนสาธารณะที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของสถาปนิกอันโตนี เกาดี้ อี กูร์เนต (Antoni Gaudi i Cornet) หรือที่รู้จักกันใน นาม เกาดี้ สถาปนิกชาวคาตาลัน ประเทศสเปน ที่มีส่วนในการเคลื่อนไหวในแบบโมเดิร์นนิสโม (อาร์ตนูโว) และมีชื่อเสียงเรื่องงานออกแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์และเป็นตัวของตัวเองอย่างสูง ปาร์ค กูเอล สวนสาธารณะที่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากภายในสวนนั้นถูกตกแต่งไปด้วยงานปฎิมากรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่ประดับตกแต่งลวดลายด้วย เครื่องกระเบื้องโมเสกนับล้านชิ้น ต้องไม่พลาดชม "มังกรโมเสก" (Mosaic dragon) ที่ไต่คลานบนบันไดน้ำพุ อันเป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว ปาร์ค กูเอล คือสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นให้ผสมผสานไปกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน โดยเฉพาะตึกอาคารรูปทรงแปลกๆที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว และมีอิทธิพลต่อ เมืองบาร์เซโลนามากว่า 100 ปี โดยสวนตั้งอยู่บนเนินเขาเอล คาร์เมล (El Carmel) อยู่ใกล้ๆกับเมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ปัจจุบันปาร์ค กูเอล เป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2005 ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1900 - 1914 โดยในช่วงแรกๆนั้นสวนยังคงเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ต่อมาในปี 1922 จึงกลายมาเป็นที่สาธารณะ และได้กลายมาเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองบาร์เซโลนา |
เย็น | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
ที่พัก | FRONT AIR COMGRESS 4* HOTEL หรือ เทียบเท่า |
วันที่ 8 | สนามฟุตบอลคัมป์นู - คาซ่า บัตโล่ - ตึกประหลาดคาซามิลา - ถนนลาแลมนาส - อิสตันบลู |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม นำทุกท่านชม เมืองบาร์เซโลน่า กันอย่างเต็มอิ่มแวะถ่ายภาพกับด้านหน้าสนามฟุตบอลคัมป์นูเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1957 เคยใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 1982 จากนั้นนำท่านสู่ คาซ่า บัตโล่ ก็ถือว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมอย่างมากที่บรรดานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบาร์เซโลน่าจะต้องเเวะมาเที่ยวชมกันซักครั้ง โดยอาคารเเห่งนี้มีความสวยงามเเละที่โด่งดังอย่างมากก็มาจากสถาปนิกชื่อดังอย่าง อันโตนี เกาดี้ ที่เป็นผู้มาออกเเบบเเละตกเเต่งตัวอาคารเเห่งนี้ให้ใหม่จนสวยงามอย่างที่คุณได้เห็นในทุกวันนี้ ก่อสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1877 โดยมีตระกูลบัตโล่ที่ร่ำรวยในเมืองบาร์เซโลน่าเป็นเจ้าของ ซึ่งตระกูลนี้เป็นเศรษฐีในธุรกิจสิ่งทอในบาร์เซโลน่า โดยหลังจากนั้นเเล้ว อันโตนี เกาดี้ ก็เข้าทำมาการตกเเต่งเเละปรับปรุงจนสวยงามเหมือนในปัจจุบัน โดยจุดเด่นที่สวยงามอย่างมากก็คือบริเวณหลังคาที่ได้ไอเดียมาจากหลังของมังกร ส่วนกระเบื้องที่มีสีสันนั้นก็มีลักษณะเป็นเกล็ดมังกรที่สวยงามอย่างมาก จากนั้นนำท่านชม สถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ความเก๋าถึงขั้นมรดกโลก La Pedrera หรือ ตึกประหลาด คาซา มิลา (Casa Mila) สิ่งก่อสร้างสไตล์อาร์ตนูโว ออกแบบโดยสถาปนิก Antoni Gaudíสร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 20 เอกลักษณ์ที่เด่นชัดสะดุดตาอย่างแรกของตึกประหลาด คาซา มิลา คือตัวอาคารที่มีผนังโค้งเป็นคลื่น ระเบียงซึ่งมีลักษณะคล้ายถ้ำ และตรงกลางเป็นปล่อง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | นำท่านเข้าสู่ จัตุรัสกาตาลุนญา ย่านถนนคนเดินมุ่งตรงสู่ย่าน ถนนลาแลมนาส Las Ramblas ถนนที่มีชีวิตชีวาที่สุดในบาร์เซโลน่า แหล่งรวมร้านค้าแฟชั่น เสื้อผ้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่อชอบของคุณทุกวัย และสินค้าแบรนด์เนม อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่ สนามบิน |
18.20 น. | เหินฟ้ากลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK1856 |
23.50 น. | เดินทางถึง กรุงอิสตันบลู ประเทศตุรกี ให้ท่านแวะพักและเปลี่ยนเครื่อง |
วันที่ 9 | อิสตันบลู - กรุงเทพ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
01.35 น. | เหินฟ้าสู่กรุงเทพฯ...โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK68 |
14.50 น. | เดินทางถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ |
1. ทางสถานทูตมีการแจ้งเงื่อนไขการเตรียมเอกสารในการขอยื่นวีซ่า ดังนั้นควรเตรียมเอกสารตามที่สถานทูตแจ้งเงื่อนไขมา หากท่านเตรียมเอกสารไม่ครบหรือปลอมแปลงเอกสาร จนทำให้ไม่สามารถยื่นวีซ่าได้หรือถูกปฏิเสธการอนุมัติวีซ่า ทางบริษัทสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมด
2. การอนุมัติวีซ่าเป็นดุลพินิจของทางสถานทูต ทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้บริษัทเป็นเพียงตัวกลางและคอยบริการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางเท่านั้น อัตราค่าธรรมเนียมวีซ่าทางสถานทูตเป็นผู้เรียกเก็บ หากท่านโดนปฏิเสธการขออนุมัติวีซ่า ทางสถานทูตไม่คืนอัตราค่าธรรมเนียมในการยื่นวีซ่า และมีสิทธิ์ไม่แจ้งสาเหตุการปฏิเสธวีซ่า
**ผู้เดินทางทุกท่านจะต้องมาแสดงตัวที่สถานทูตด้วยตนเองตามวันนัดหมายเพื่อสแกนลายนิ้วมือ**
วีซ่าใช้เวลาพิจารณาประมาณ 15 วันทำการ ในกรณีที่สถานทูตกำหนดวันนัดหมายยื่นวีซ่ากรุ๊ป
หากท่านใดไม่สามารถยื่นวีซ่าพร้อมคณะจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมท่านละ 500 บาท และ สถานฑูตไม่อนุญาตให้ดึงเล่มพาสปอร์ต หากได้ยื่นเอกสารเข้าไปแล้ว
**เอกสารในการขอวีซ่า กรุณาจัดส่งภายใน 20 วันก่อนวันเดินทาง**
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel