มหาวิหารมิลาน โบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของ ชาวเวนิส
ชิงเกว แตร์เร หมู่บ้านมรดกโลกห้าแห่ง อายุหลายร้อยปี
หอเอนเมืองปีซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ถ่ายรูป ณ บันไดสเปน บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป
วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินนานาชาติดูไบ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
18.00 น. | พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชั้น 4 ประตู 8 Row T เคาท์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน |
20.35 น. | ออกเดินทางสู่ นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบิน EK 373 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) หมายเหตุ : พีเรียตเดินทางตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 21.05 น. |
วันที่ 2 | สนามบินนานาชาติดูไบ - มิลาน - มหาวิหารดูโอโม่ - เวโรน่า - เวนิสเมสเตร้ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
00.50 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) ให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง |
03.45 น. | ออกเดินทางสู่ มิลาน ประเทศอิตาลี เที่ยวบินที่ EK101 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) หมายเหตุ : พีเรียตเดินทางตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 03.35 น. ถึงมิลานเวลา 08.15 น. |
07.45 น. | ถึงท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา (Aeroporto di Milano-Malpensa) เมืองหลวงแห่งแฟชั่น และอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันตะวันตกในยุคของพระเจ้าคอนสแตนติน ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม.) จากนั้นเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองแห่งแฟชั่น เมืองมิลาน (MILAN) นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า มหาวิหารมิลาน (DUOMO DI MILANA) หนึ่งในโบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในวิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซูอยู่ ตัวอาคารสีขาวโด่ดเด่น สูง 157 เมตร กว้าง 92 เมตร ประกอบด้วยยอดแหลม 135 ยอด จุดสูงสุดของอาคารเป็นรูปปั้นพระแม่มารีย์ทำจากทองสัมฤทธิ์สูง 4 เมตร บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรุปสลักหินอ่อนที่วิจิตเป็นอย่างยิ่ง มหาวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1386 โดยตระกูลวิสคอนดิ และใช้เวลาในการสร้างถึง 579 ปี โดยก่อสร้างที่เสร็จสมบูรณ์ในปี 1965 ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่บางแบรนด์นั้นก็ยังถือกำเนิด ณ เมืองแห่งนี้ อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึงแบรนด์เนมที่คุ้นหูอีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski เป็นต้น |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองเวโรน่า (VERONA) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากเวนิส ของแคว้นเวเนโต้ และเมืองเวโรน่ายังได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกเมื่อปี คศ. 2000 อีกทั้งวิลเลียม เชกสเปียร์ นักกวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษและของโลกยังใช้บรรยากาศและเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวสองตระกูลในเวโรน่า แต่งเป็นละครโศกนาฏกรรมขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1595 เรื่อง โรมิโอกับจูเลียต นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ บ้านเลขที่ 23 ของจูเลียต JULIET’S HOUSE ชมระเบียงแห่งเรื่องราว โรแมนติกที่จูเลียตเฝ้ารอคอยพบโรมิโอทุกค่ำคืน และบริเวณหน้าบ้านยังมีรูปปั้นสำริดขนาดเท่าตัวจริงของจูเลียต นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิสเมสเตร้ (VENICE MESTRE) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) ฝั่งแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต |
ค่ำ | รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | HOLIDAY INN VENICE MESTRE MARGHERA หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เวนิสเมสเตร้ - เกาะเวนีส - ฟลอเร้นซ์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (TRONCHETTO) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของ ชาวเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น "ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก" มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โคศูนย์กลางของเกาะเวนิสนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส นำท่านถ่ายรูป บริเวณจัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค (St. Mark's Square) ที่จักรพรรดินโปเลียนยกย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารซันมาร์โก (San Marco Basilica) มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด แต่วิหารแห่งนี้อยู่ไกลจากเขตสงครามมาก เป็นที่เก็บอัฐินักบวชมาร์โกแห่งอเล็กซานเดรียที่ชาวเวนิสนำมา ซึ่งภายในโบสถ์นั้นจะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นอยู่ โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการเผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5 สำหรับตัวมหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังดอร์จ (Doge's Palace) พระราชวังแบบเวนิส-โกธิคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของดยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยังเป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และยังมี หอระฆังซันมาร์โก (St Mark's Campanile) หอระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมในปี 1514 และพังทลายลงในปี 1902 ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เชื่อมระหว่างพระราชวังดอร์จและเรือนจำ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง สปาเก็ตตี้หมึกดำ |
บ่าย | นำท่านเดินทางกลับสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ VENICE MESTRE เพื่อเดินทางสู่ เมืองฟลอเร้นซ์ (FLORENCE) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอิตาลี และเมืองหลวงของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เป็นเมืองซึ่งเป็นที่ถือกำเนิดของจิตรกรระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มีเกลันเจโล ลีโอนาโด ดาวินชี่ ราฟาเอล ซานตี และอีกมากมาย นำท่านชมชมความยิ่งใหญ่ และอลังการของ มหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Santa Maria Dell Fiore) วิหารของเมืองฟลอเรนซ์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของทวีปยุโรป ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ใช้หินอ่อนหลายสีตกแต่งผสมผสานกันได้อย่างงดงาม นำชม จัตุรัสเดลลาซิญญอเรีย (PiazzaDella Signoria) ซึ่งรายล้อมไปด้วยรูปปั้น อาทิ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน (Fountain of Neptune), วีรบุรุษเปอร์ซิอุสถือหัวเมดูซ่า (Perseus with the Head of Medusa), รูปปั้นเดวิด ผลงานที่มีชื่อเสียงของ ไมเคิล แองเจโล่เป็นต้น |
ค่ำ | รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | THE GATE HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | ฟลอเร้นซ์ - ลาสเปเซีย - ชิงเคว แทร์เร - ปิซ่า |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลาสเปเซีย (LA SPEZIA) ( ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองในเขตลิกูเรีย ตอนเหนือของอิตาลีอยู่ระหว่างเมืองเจนัว และ ปิซ่า ในบริเวณอ่าวลิกูเรหนึ่งในอ่าวที่มีความสําคัญทางด้านการค้าและการทหาร นําท่านโดยสารรถไฟสู่ ชิงเกว แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี ที่มีความหมายว่า “ดินแดนทั้งห้า (Five Land)” ตั้งบนหน้าผาสูงชันเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนติดทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่ง ได้แก่ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIOMAGGIORE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้ มีหุบเขาล้อมรอบ ประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย พิเศษสุด! พาท่านขึ้นรถไฟชม 2 หมู่บ้านที่เข้าถึงง่ายและสวยงาม นั่นคือ มานาโรร่า (MANAROLA) หมู่บ้านที่เป็นดั่งหน้าปกโปรโมทหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้ เพราะมักจะเป็นหมู่บ้านแรกๆ ที่คนจะนึกถึง ด้วยภาพลักษณ์จุดเด่นของวิวบ้านเรือนหลากสีสันตั้งลดหลั่นกันตามแนวหน้าผาตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียว งดงามเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นพาท่านเยือนอีก 1 หมู่บ้าน นั่นคือ ริโอมัจจอร์เร (RIOMAGGIORE) ซึ่งตั้งอยู่ถัดจากมานาโรร่าไปเพียงเล็กน้อย เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ ชิงเคว แทร์เร มีร้านรวงต่างๆ ตั้งเรียงรายตลอด ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของ Hand made เสื้อผ้า ของที่ระลึก ร้านอาหาร รวมไปถึงเจลลาโต้ ไอศกรีมไขมันต่ำต้นตำหรับจากแดนพาสต้าแห่งนี้ |
เที่ยง | **อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย** |
บ่าย | นำท่านเดินทางโดยรถไฟสู่ เมืองลาสเปเซีย (LA SPEZIA) จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถโค้ช เพื่อเดินทางไปยัง เมืองปิซ่า (PISA) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองทางตะวันตกของฟลอเรนซ์ เมืองที่มี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอยู่ |
ค่ำ | รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | HOTEL GALILEI หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | ปิซ่า - จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม - หอเอนปีซ่า - โรม - น้ำพุเทรวี่ - บันไดสเปน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเข้าชม จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (PIAZZA DEL DUOMO) อันเป็นที่ตั้ง หอเอนเมืองปีซ่า (LEANING TOWER OF PISA) หอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น ที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวสูง 55.86 เมตร มีน้ำหนักประมาณ14,500 ตัน โดยเอกลักษณ์และสาเหตุที่ทำให้หอระฆังแห่งนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นคือการที่ตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปทางเหนือประมาณ 3.97 องศา หอเอนแห่งปิซ่าแรกเริ่มสร้างในปี 1174 แต่เมื่อสร้างขึ้นไปเพียง 3 ชั้น ฐานอาคารก็เกิดการทรุดตัวลง เนื่องจากเนื้อดินในบริเวณนี้ไม่มีชั้นหินแทรก ประกอบกับตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำอาร์โน ทำให้ดินมีความชื้นและเหลวกว่าปกติ จนทำให้ต้องยุติการก่อสร้างไปกว่า 94 ปี จนกระทั่งปี 1272 สถาปนิกนาม จีโอวานี ดี ซีโมเน่ (Giovanni di Simone) ได้มาสานต่อด้วยเทคนิคการสร้างให้เพดานไม่เท่ากันเพื่อรักษาอาหารให้สมดุล แต่ก็ต้องยุติการก่อสร้างในปี 1284 จากภัยสงคราม ก่อนชั้นที่ 7 ของอาคารจะเสร็จในปี 1319 และตัวหอระฆังถูกเติมจนเสร็จสิ้นเมื่อปี 1372 นับเป็นเวลาร่วม 199 ปี นับจากวันที่เริ่มสร้าง โดยตัวอาคารเคยเอียงมากสุดถึง 5.5 องศา ในปี 1990 ให้ท่านได้ชมบริเวณรอบหอระฆังแห่งนี้พร้อมเก็บรูปเป็นที่ระลึก |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ศูนย์กลางการปกครองของอิตาลีที่กรุงโรม (ROME) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันที่รุ่งเรืองถือเป็นรากฐานของสังคมและวัฒนธรรมของชาติยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ปฏิทินตามหลักสุริยะคติ กฎหมาย การประชุมในสภาในรูปแบบสาธารณรัฐ เป็นต้น นำท่านชมความงามของ น้ำพุเทรวี่ (TREVI FOUNTAIN) ที่มักกล่าวกันว่าเป็นน้ำพุที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่แท้จริงแล้วน้ำพุแห่งนี้เป็น 1 ใน จุดพักน้ำจากสะพานส่งน้ำเท่านั้น แต่ด้วยความสวยงามในรูปแบบ สถานปัตยกรรมแบบบาโรก ตรงกลางมีรูปปั้นเนปจูนหรือเทพโพไซดอนพร้อมเหล่าอาชาอยู่ โดยที่มาของชื่อน้ำพุแห่งนี้นั้นมาจากหญิงชาวโรม นามเทรวี่ที่ได้บริจากพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นสาธารณะประโยชน์ บริเวณด้วยรอบยังมีร้านไอศครีมเจลาโต้รสเลิศ ของขึ้นชื่อของอิตาลีที่มีหลากหลายรสถัดกันไปไม่ไกล ไกล นำท่านเดินชมและถ่ายรูปบริเวณ บันไดสเปน (SPANISH STEPS) บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป เชื่อมระหว่างจัตุรัสสปังนา กับโบสถ์ทรีนิตี้ หากจุดโรแมนติกของปารีสคือหอไอเฟล บันไดสเปนก็เปรียบได้เช่นนั้น เพราะภาพยนตร์รักหลากหลายเรื่องที่ถ่ายทำในโรมนั้น ก็มักจะไม่พลาดที่จะให้คู่พระนางบอกรักหรือจุมพิตกันที่บันไดแห่งนี้ นอกจากนั้นยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายให้ท่านได้เลือกสรรค์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Louis Vuitton, Prada, Longchamp, Chanel, DIOR, Balenciaga เป็นต้น แต่หากสนใจชิมกาแฟเอสเปรสโซ่ต้นตำหรับ ก็มีร้านกาแฟมากมายให้ท่านได้ลิ้มลอง |
ค่ำ | **อิสระอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน** |
ที่พัก | HOTEL CAPANNELLE หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | โรม - นครรัฐวาติกัน - มหาวิหารเซ้นท์ ปีเตอร์ - โคลอสเซียม - สนามบินนานาชาติฟูมิซิโน่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเข้าชม มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ (ST. PETER’ BASILICA) ศาสนสถานของคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการตรึงไม้กางเขนในสมัยของจักรพรรดิเนโร เมื่อปี ค.ศ. 68 ถือเป็นศูนย์รวมทั้งทางกายและทางในของวาติกัน โดยมหาวิหารแห่งนี้ได้สร้างทับวิหารหลังเดิมที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 4 ออกแบบโดยมีเกลันเจโลสุดยอดจิตกรร่วมสมัยกับดาวินชี่ ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยหินอ่อน โดยมีประติมากรรมชื่อก้องโลกอย่าง ปีเอต้า (Pietà) เป็นรูปปั้นพระแม่นารีย์ทรงโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจากหินอ่อนเพียงก้อนเดียวและใช้เวลาในการแกะสลัก 7 ปี บริเวณด้านหน้าคือ จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ (St. Peter's Square) ออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ เบอร์นินี อีกหนึ่งประติมากรผู้ได้ฉายาว่า สามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสสามารถจุคนได้ประมาณ 60,000 คน ตรงกลางมีเสาโอบีสิสหินแกรนิตแดง สูง 25.5 เมตร จากอียิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงแสงยานุภาพของโรมันที่มีต่อประเทศในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนั้น |
บ่าย | นำท่านแวะถ่ายบริเวณด้านนอก โคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ฟราเวียนแอมฟิเธียเตอร์ อีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ต้นแบบของสนามกีฬาของโลก เป็นแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโรมัน สร้างขึ้นในสมัยของจักพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 70 ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมาในสมัยพระเจ้าไททัส เป็นสนามกีฬาที่จะเป็นการประชันการต่อสู่ระหว่างเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง และกับสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต ช้าง แรด เป็นต้น โดยบ้างก็กล่าวกันว่าการต่อสู้ในโคลอสเซี่ยมทำให้สัตว์บางชนิดแทบจะศูนย์พันธุ์เลยทีเดียว การสร้างอาคารแบบอัฒจันทร์กลม 3 ชั้นขนาดใหญ่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นการผลิตซีเมนต์แห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วย ถัดกันไม่ไกล ท่านถ่ายรูปด้านหน้ากับ โรมันฟอรั่ม (ROMAN’S FORUM) อดีตศูนย์กลางทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักรโรมัน โดยบริเวณนี้นั้นเป็นที่ตั้งของประตูชัย 2 แห่ง ที่เป็นต้นแบบของฝรั่งเศส นั่นคือ ประตูชัยคอนสแตนติน สร้างขึ้นในครั้งที่พระเจ้าคอนสแตนตินได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าแมกเซนเทียส และประตูชัยไททัสที่สร้างขึ้นหลังจากได้รับชัยชนะเหนือเมืองเยลูซาเล็ม นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino) เพื่อให้ท่านได้มีเวลาทำการคืนภาษี (Tax Refund) |
20.50 น. | ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ EK096 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) หมายเหตุ : ตั้งแต่พีเรียตเดือน เม.ย. 63 เป็นต้นไป ออกเดินทางเวลา 22.05 น. ถึงดูไบเวลา 05.55 น. |
วันที่ 7 | ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ - ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
05.30 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) ให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง |
08.55 น. | ออกเดินทางสู่ อากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่ EK370 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) หมาบยเหตุ : พีเรียตเดินทางวันที่ 1-7 มิ.ย. 63 เที่ยวบินที่ EK 372 ออกเดินทางเวลา 09.40 น. ถึงประเทศไทยเวลา 19.15 น. |
18.50 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ด้วยความประทับใจ |
**ยื่นวีซ่าแสดงตนที่ศูนย์ยื่นวีซ่า VFS Global (จามจุรีสแควร์)** การยื่นวีซ่ากับทางบริษัททัวร์ จะต้องทำการยื่นวีซ่า ประเภทหมู่คณะเท่านั้น การยื่นหมู่คณะต้องมีจำนวน 10 คนขึ้นไป ซึ่งทางศูนย์รับยื่นจะเป็นผู้กำหนดวันยื่นวีซ่าเท่านั้น ผู้เดินทางไม่สามารถกำหนดวันยื่นได้เอง หากผู้เดินทางไม่สามารถไปยื่น วีซ่าในวันที่ทางศูนย์รับยื่นกำหนดได้ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (PREMIUM) ดังนี้
ในการยื่นวีซ่าทางสถานทูตจะเก็บหนังสือเดินทาง ไว้จนกว่าจะได้การรับอนุมัติผลวีซ่า ไม่สามารถดึงหนังสือเดินทางออกมาใช้ได้ ระยะเวลาในการพิจารณาวีซ่าประมาณ 15 วันทำการ ไม่รวมวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดของทางสถานทูต หรือ อาจช้าหรือเร็วกว่ากำหนดขึ้นอยู่กับสถานทูต
**สถานฑูตไม่รับพิจารณาบัญชีติดลบ บัญชีเงินฝาก บัญชีกระแสรายวัน บัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ พันธบัตร ตราสหกรณ์ กองทุน และสลากออมสิน ธ.อิสลาม ธ.อาคารสงเคราะห์ สหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ**
เอกสารยื่นวีซ่าอาจมีการปรับเปลี่ยนและขออัพเดทเพิ่มเติมได้ทุกเวลา หากทางสถานทูตแจ้งขอเพิ่มเติม
**หมายเหตุ**
เอกสารตัวจริงที่ต้องนำติดตัวมาในวันที่ต้องสแกนลายนิ้วมือ
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
ทุกวัน : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel