เดินสู่ เกาะเวนิส (เมืองที่ไม่มีรถยนต์วิ่งผ่าน) ได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก”
ชม จตุรัสเซนต์มาร์โคและพระราชวังดอจจ์ ศูนย์กลางของเกาะเวนิส
ชมความงามของ “ถ้ำโพสทอยน่า” ถ้ำที่สวยที่สุดในยุโรป ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี
แวะถ่ายรูปกับ วิหารเซนต์มาร์ก ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าซาเกรบ ราวศตวรรษที่ 13
“อุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
ถ่ายรูปกับโบสถ์สำคัญประจำเมือง โบสถ์อนาสตาเชีย เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก
เข้าชม พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979
เมืองดูบรอฟนิค ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป สมญานาม “ไข่มุกแห่งทะเล เอเดรียติก”
วันที่ 1 :: | กรุงเทพมหานคร |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 :: | |
20.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน U (แถว U 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
23.00 น. | ออกเดินทางสู่นคร อิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 69 (ใช้เวลาบินประมาณ 9.30 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน |
วันที่ 2 :: | อิสตันบูล - เวนิส - จัตุรัสเซนต์มาร์โค |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 :: | |
05.20 น. | เดินทางถึงสนามบิน อิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี แวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน TK1867 |
06.50 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินเวนิส (VCE)โดยเที่ยวบิน TK1867 (ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ช.ม.) |
08.25 น. | เดินทางถึง สนามบินเวนิส นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส เมืองที่มีเอกลักษณ์พิเศษสุดเมืองหนึ่งของโลกเปรียบเสมือนประตูสู่ตะวันออกของยุโรปในอดีต นำท่านนั่งเรือสู่ เกาะเวนิส (เมืองที่ไม่มีรถยนต์วิ่งผ่าน) เมืองเวนิสได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ (City of water) เมืองแห่งสะพาน (City of bridges) เมืองแห่งแสงสว่าง (City of light) ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองริมฝั่งสู่เกาะเวนิสซึ่งมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชมจตุรัสเซนต์มาร์โคและพระราชวังดอจจ์ ศูนย์กลางของเกาะเวนิส ผ่านชมและแวะถ่ายรูปบริเวณสะพานถอนหายใจ (Ponte Dei Sospiri) ที่เชื่อมระหว่างพระราชวังโบราณกับเรือนจำโบราณ ซึ่งมีตำนานเล่าถึงนักรักคาสโนว่าที่เคยถูกคุมขังในคุกแห่งนี้ มหาวิหารเซนต์มาร์โค (San Marco Basilica) ซึ่งเป็นอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ อาหรับ โรมันเนสก์ เรเนซองส์ เข้าไว้ด้วยกัน ในมหาวิหารนี้เชื่อว่าเป็นที่บรรจุศพของนักบุญเซนต์มาร์ก อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปโดยรอบบริเวณ จตุรัสเซนต์มาร์โค หรือจะ เลือกช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่มีมากมายรายล้อมรอบจตุรัส ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Chanel, Louis Vuitton, Hermes, Tods, Prada และอื่นๆอีกมากมาย (***ร้านค้าส่วนมากอาจปิดให้บริการในวันอาทิตย์และวันหยุดสากล) ได้เวลานำท่านนั่งเรือเพื่อเดินทางกลับสู่ ฝั่งเวนิสเมสเตร์ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย |
ที่พัก | ANTONY PALACE หรือ HOLIDAY INN หรือ NOVOTEL **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 :: | ถ้ำโพสทอยน่า - ล่องเรือทะเลสาบเบลด - เมืองลุบเบลียน่า (เมืองหลวงสโลวีเนีย) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 :: | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านมุ่งหน้าสู่ ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Caverns) (ระยะทาง 198 กม. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.) ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Caverns) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของเมืองโพสทอยน่า (Postojna) เป็นถ้ำที่เปิดให้บริการมากว่า 188 ปี นำท่านเข้าชมความงามของ “ถ้ำโพสทอยน่า” ถ้ำที่สวยที่สุดในยุโรป ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี เป็นถ้ำที่มีความยาวถึง 27 กิโลเมตร นำท่านเข้าชมภายในถ้ำโดยขบวนรถรางไฟฟ้า ซึ่งได้เปิดให้บริการในปี 1884 อุณหภูมิภายในถ้ำโดยเฉลี่ย 8-10 องศาเซลเซียส ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย รถรางไฟฟ้า นำท่านผ่าน ลำธาร เขื่อนเก็บน้ำใต้ดิน ชมหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบและสีสันสวยงามสุดพรรณนา ภายในถ้ำยังมีห้องต่างๆ มากมาย ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ท่านจะได้ชมความงามอันยิ่งใหญ่ภายในถ้ำแห่งนี้ ที่ธรรมชาติได้สรรสร้างมานานกว่าล้านปี ผ่านหลายยุคสมัยและเคยใช้เป็นที่พำนักของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นได้จากร่องรอยการสร้างสะพานเชื่อมภายในถ้ำ จากนั้นนำท่าน ชมความแปลกของ ปลามนุษย์ (Human fish) หรือ Olm ปลามนุษย์ (Human fish) สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในถ้ำพอสทอยน่า ผิวสีเนื้อคล้ายมนุษย์ ลำตัวยาวคล้ายงู มีแขนและขา ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1768 และอาศัยอยู่ในที่มืด |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเบลด (Bled Lake) (ระยะทาง 105 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.20 ชั่วโมง) ทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งโบฮินจ์ (Bohinj Glacier) ในยุคน้ำแข็ง น้ำในทะเลสาบไม่ได้มาจากการละลายของธารน้ำแข็ง แต่มาจากบ่อน้ำร้อนใต้ดินหลายแห่ง ซึ่งทำให้น้ำในทะเลสาบนี้ใสบริสุทธิ์ และไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว นำท่าน ล่องเรือทะเลสาบเบลด ซึ่งมีปราสาทเบลด (Bled Castle) ตั้งอยู่บนริมผาติดทะเลสาบ เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุด จักรพรรดิ์เฮนริคที่ 2 แห่งเยอรมัน ได้ยกให้เป็นสถานที่พำนักของบิชอป อัลเบี่ยม แห่ง บริเซน (Bishop Albium of Brixen) ในปี ค.ศ. 1004 สัมผัสทัศนียภาพอันโดดเด่นของเกาะกลางทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีเขียวมรกต เบลดเริ่มมีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 เมื่อแพทย์ชาวสวิสชื่อ Dr. Arnold Rivli ได้เห็นคุณค่าของอากาศที่แสนบริสุทธิ์และได้ย้ายมารักษาคนไข้ที่เมืองนี้และใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้กว่า 50 ปี (***การล่องเรือในทะเลสาบขึ้นกับสภาพอากาศในวันเดินทาง หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย บริษัทจะคืนค่าล่องเรือให้กับทุกท่านและเดินชมบริเวณรอบทะเลสาบแทน) นำท่านสู่ เมืองลุบเบลียน่า (Ljubljana) เมืองหลวงของประเทศสโลวีเนีย (ระยะทาง 53 กม. ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที) นำท่านสัมผัสบรรยากาศเมืองหลวงที่ยังคงให้ท่านได้เห็นร่องรอยของสถาปัตยกรรมโบราณ และอิทธิพลของศิลปะสไตล์บาโร๊คในเมืองลุบเบลียน่า |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย |
ที่พัก | RADISSON BLU **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 :: | เมืองลุบเบลียน่า (เมืองหลวงสโลวีเนีย) - ซาเกรบ (เมืองหลวงโครเอเชีย) - อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 :: | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านชม สะพานมังกร ที่ทอดข้ามแม่น้ำลุบเบลียยานิก้า ผ่านชมและแวะถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญต่างๆภายในเมืองเช่น ศาลาว่าการเมือง มหาวิหารเซนต์ นิโคลัส จากนั้นนำท่าน เข้าชมปราสาทเมืองเก่า (Old town castle) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูง โดยนั่งรถรางขึ้นสู่เนินเขา ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองลุบเบลียน่าได้อย่างชัดเจน ปราสาทแห่งนี้สร้างในสมัยศตวรรษที่ 11 ในศิลปะสไตล์บาโร๊ค และได้ทำการบูรณะใหม่ในปี 1990 โดยได้บูรณะหอสูงในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ณ จุดนี้ท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์โดยรอบของเมืองลุบเบลียน่าได้ในระยะไกล จากนั้นนำท่านชม ย่านการค้า ตลาดสินค้าพื้นเมืองและเดินเล่น ชมบ้านเรือนที่สวยงามด้วยศิลปะบาโร๊ค อิสระให้ท่านถ่ายรูป หรือ เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาเกรบ (Zagreb) (ระยะทาง 145 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชียดินแดนแห่งทะเลเอเดรียติค ซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลัง ซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันชาวโครเอเชีย มีวิถีชีวิตเยี่ยงชาวยุโรปที่เจริญโดยทั่วไป การคมนาคมภายในกรุงซาเกรบสะดวกสบาย นิยมใช้รถรางเป็นพาหนะซึ่งมีนับสิบสายทั่วทั้งเมือง กรุงซาเกรบประกอบด้วยเขตเมือง Upper Town ที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 ที่มีซุ้มประตูหินเป็นสัญลักษณ์ เขต Lower Town ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 และเขตเมืองใหม่ New Town ที่สร้างหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านแวะถ่ายรูป “มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral)” ซึ่งมียอดแหลมทรงกลวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม สามารถเห็นได้จากทุกมุมในซาเกรบ แต่เดิมเป็นโบสถ์ธรรมดาแต่เพิ่งมีความสำคัญในปี ค.ศ. 1094 เมื่อกษัตริย์ลาดีสลาอุส (King Ladislaus) ได้ให้พระราชาคณะย้ายที่พำนักจากสีสัก (Sisak) มายังซาเกรบแต่ก็ถูกกองทัพมองโกลทำลายในปี ค.ศ. 1242 เมื่อมองโกลจากไป มหาวิหารนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งรูปร่างมหาวิหารงดงามในรูปแบบนิโอ-โกธิค ดังปัจจุบัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการบูรณะก่อสร้างในปี ค.ศ. 1880 จากนั้นนำชม ตลาดกลางเมือง (Dolac market) ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ มีสีสันสดใส มีดอกไม้ประดับและผลไม้ราคาถูกวางขายมากมาย นำท่านสู่เขต Upper Town โดยขึ้นรถรางไฟ จากนั้นแวะถ่ายรูปกับ วิหารเซนต์มาร์ก (St. Marks Church) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าซาเกรบ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีต่างๆ ซึ่งเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของซาเกรบ โครเอเชีย สโลวีเนีย และ ดัลมาเชีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศเดียวกัน (อดีตยูโกสลาเวีย) นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ประจำเมืองเก่าเซนต์แคทเธอรีน (St. Catherine) โบสถ์แบบบาโรคสีขาวน่าประทับใจ นำท่านชมจุดชมวิวที่ท่านสามารถเห็นกรุงซาเกรบที่หลังคาอาคารเป็นสีแดงอิฐทั้งเมือง นำท่านแวะชม จัตุรัส Trg Ban Jelacic Square จัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยห้างร้านนำสมัย ชมอนุสาวรีย์ Ban Josip Jelacic ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระจากชาวฮังกาเรียนเมื่อปี ค.ศ. 1848 จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ (ระยะทาง 135 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม.) อุทยานนี้มีพื้นที่ประมาณ 29,482 เฮคเตอร์ หรือประมาณ 295 ตารางกิโลเมตร โดย 223 ตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ป่าและพื้นน้ำครอบคลุมประมาณ 2.17 ตารางกิโลเมตร มีทะเลสาบสีเธอร์คอยซ์ถึง 16 แห่งที่มีความงดงามแตกต่างกัน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | JEZERO HOTEL *** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 :: | เข้าชมอุทยานแห่งชาติพริตวิชเซ่ - ซาดาร์ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 :: | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดิน ชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกัน แล้วเดินสู่ Veliki Slip ชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานที่มีความสูงถึง 70 เมตร (แนะนำให้ท่านสวมรองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้าที่สวมใส่สบาย เนื่องจากต้องเดินชมความงามของธรรมชาติภายในอุทยาน) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองซาดาร์ (Zadar) (ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม.) อุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่ (Plitvice National Park) เมืองที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 3,000 ปีมาแล้ว และเป็นเมืองท่าสำคัญซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดใหญ่ของทะเลเอเดรียติค ที่มีบทบาทมาตั้งแต่สมัยโรมันจนถึงปัจจุบัน นำท่านชมตัวเมืองซาดาร์ นำท่าน ถ่ายรูปกับโบสถ์สำคัญประจำเมือง โบสถ์อนาสตาเชีย The Cathedral of St. Anastasia โบสถ์อนาสตาเชีย The Cathedral of St. Anastasia เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 5-6 ในยุคโรมาเนสก์ เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นดัลมัลเชีย อย่างไรก็ตามโบสถ์แห่งนี้ได้รับความเสียหายจากสงครามศาสนาในปี 1202 ครั้งนั้นเมืองซาดาร์ถูกโจมตีโดยชาวเวนิส ซึ่งได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก และได้ถูกบูรณะใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่ 13 “โบสถ์อนาสตาเชีย” ได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สำคัญมากเนื่องจากพระสันตปาปา ถึง 2 พระองค์คือ พระสันตปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ได้เสด็จเยือนในปี 1177 และพระสันตปาปาจอห์นพอลที่ 2 ได้เสด็จเยือนโบสถ์นี้ในปี 2003 ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งสุดท้ายของพระองค์ท่าน นำท่านเข้าชม โบสถ์เซนต์ โดแนท ซึ่งเป็นโบสถ์สำคัญประจำเมืองอีกแห่งหนี่ง ชม โรมันฟอรัม หรือ ย่านชุมชนของโรมัน เมื่อสองพันปีก่อนที่นักโบราณคดีได้ใช้ความอุตสาหะในการขุดค้นพบหลักฐานสำคัญต่างๆ ทั้งที่อยู่อาศัยชาวโรมัน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | CLUB FUMINATION BORIK HOTEL หรือ DIADORA HOTEL **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 :: | ซิบินิค - โทรเกียร์ - สปริท |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 :: | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม เมืองซิบินิค (Sibenik) เมืองริมทะเลเอเดรียติก ถูกบันทึกในเอกสารตั้งแต่ ค.ศ. 1066 ในชื่อแคสทรัม ซีบีนิซี (Castrum Sebenici) เติบโตจากอิทธิพลภายใต้การปกครองของฮังกาเรียน-โครแอต-เวเนเชียน นำท่านเข้าชม มหาวิหารเซนต์จาคอบ มหาวิหารเซนต์จาคอบ สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ. 1431-1535 เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่าง 3 ศิลปกรรม คือ ดัลเมเชียน ศิลปะทางเหนือของอิตาลี และทัสคานี สถาปนิค 3 ท่านได้ใช้เทคนิคชั้นสูงในการสร้างห้องโถงสูงใหญ่ และโดมครึ่งวงกลม ทั้งวิหารล้วนสร้างด้วยหินทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะโกธิคและศิลปะเรอเนสซองส์ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน โดยองค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้มหาวิหารแห่งนี้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2000 |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทรเกียร์ (Trogir) (ระยะทาง 50 กม. ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที) เมืองโทรเกียร์ (Trogir) เมืองขนาดเล็กบนเกาะที่ตั้งอยู่เกือบชิดกับแผ่นดินใหญ่ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคอารยธรรมกรีกโรมันเมื่อ 380 ปีก่อนคริสตกาล และได้พัฒนาบ้านเรือนตามผู้ปกครองแต่ละยุคสมัย ยุคการปกครองของอาณาจักรเวนิส ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสไตล์เรเนซองค์และบาโร๊ค สามารถเห็นอาคารบ้านเรือน โบสถ์ สถานที่สำคัญต่างๆ ที่สร้างขึ้นในแบบศิลปะดังกล่าว สถาปัตยกรรมเหล่านี้ถูกดูแลอย่างดีตกทอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองโทรเกียร์เป็นมรดกโลกในปี 1997 นำท่านชม เขตเมืองเก่า สัมผัสอาคาร บ้านเรือน ที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมกรีกและโรมันโบราณ เช่น ประตูเมือง “Kopnena Vrata” ซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่ในสมัยศตวรรษที่ 16 มหาวิหารเซนต์ลอเรนซ์ ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือประตูทางเข้าที่แกะสลักเป็นเรื่องราวต่างๆ อย่างวิจิตรตระการตา นำท่านแวะถ่ายรูปกับหอนาฬิกา (Foggia And Of Clock Tower) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ชมจัตุรัสภายในบริเวณเมืองเก่า แวะถ่ายรูปกับ ป้อมเซนต์มาร์ค ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1430 ตั้งตระหง่านอยู่ริมชายฝั่งทะลเอเดรียติก ในอดีตใช้เป็นกำแพงป้องกันภัยจากข้าศึกที่เข้ามารุกรานทางทะเล ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ “เมืองสปลิท (Split)” (ระยะทาง 30 กม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เมืองสปลิท (Split) เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากซาเกรบ ซึ่งอยู่ในแคว้นดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง นำท่าน เที่ยวชมเมืองสปริท ที่สร้างรายล้อมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน ประกอบด้วย ศาลาว่าการเมืองสไตล์ เรเนซองค์ สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ต่างๆ ชมย่าน People Square ศูนย์กลางทางธุรกิจและการบริหาร นำท่าน เข้าชมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน (Diocletian Palace) องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน (Diocletian Palace) สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน ซึ่งต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ หลังจากสละบัลลังก์ ภายในพระราชวังประกอบด้วย วิหารจูปิเตอร์ สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียง (Catacombas) และวิหารต่างๆ นำท่านชมห้องโถงกลาง ซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลานกว้าง (Peristyle) ซึ่งล้อมด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตร สวยงาม ชม ยอดระฆังแห่งวิหาร The Cathedral Belfry แท่นบูชาของเซนต์โดมินัส และเซนต์สตาดิอุส ซึ่งอยู่ภายในวิหาร |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | ATRIUM HOTEL หรือ LE MERIDIAN HOTEL**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 :: | สตอน - ดูบรอฟนิค |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 :: | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองสตอน (Ston) (ระยะทาง 186 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียง เหนือของเมืองดูบรอฟนิค เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของหอยนางรมและผลิตภัณฑ์จากหอยนางรมสดๆ จากทะเลเอเดรียติกตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสด สลับตามแนวชายฝั่งเป็นระยะสู่สตอน หมู่บ้านที่สงบเสงี่ยมตั้งอยู่ริมฝั่งบริเวณโค้งอ่าวกว้าง เปรียบเสมือนเป็นด่านหน้าของเมืองดูบรอฟนิค ในอดีตมีความเจริญรุ่งเรืองจากการค้าเกลือ ดังนั้นกำแพงป้องกันจึงมีความจำเป็น ซึ่งสามารถมองเห็นกำแพงโบราณนี้ได้จากระยะไกลในปัจจุบัน สตอนในอดีตอยู่ใต้การปกครองของโรมัน จนกระทั่งถูกทำลายโดยพวกโกล ผ่านชม สถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างทางโบราณคดี และร่องรอยของความเจริญรุ่งเรืองในอดีต พร้อมเก็บบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมลองชิมหอยนางรมสดจากฟาร์มในเมืองสตอน |
บ่าย | นำท่านเดินทางเลียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติกสู่ เมืองมรดกโลกดูบรอฟนิค Dubrovnik (ระยะทาง 54 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.) ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศริมชายฝั่งทะเล ที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสด สลับตามแนวชายฝั่งเป็นระยะๆ เมืองดูบรอฟนิคได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป สมญานาม “ไข่มุกแห่งทะเล เอเดรียติก” เป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเลตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และมีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า จึงได้สร้างความยิ่งใหญ่ให้โดดเด่น ด้วยการตกแต่งพระราชวัง สร้างโบสถ์ วิหาร จัตุรัส น้ำพุ และบ้านเรือนต่างๆ และได้รับการบูรณะและปรับเปลี่ยนอย่างงดงามตามยุคสมัย เสน่ห์ของเมืองอยู่ที่เขตเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งตั้งอยู่ภายในกำแพงโบราณสูงตระหง่านโอบล้อมโดยรอบ ซึ่งสร้างในศตวรรษที่ 13 เพื่อป้องกันภัยจากศัตรู เช่น อาหรับ เวเนเชียน มาชีโดเนียน และเซิร์บ ภายในเขตเมืองเก่าเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมมากมายและสิ่งก่อสร้างโบราณต่างๆ องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองดูบรอฟนิคเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 นำท่านชมทัศนียภาพของเมือง ดูบรอฟนิค ที่ตั้งอยู่ตามริมฝั่งทะเลเอเดรียติค ตัวเมืองเก่ามีป้อมปราการโบราณความยาว 190 เมตรล้อมรอบ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่ความโด่งดังเทียบได้กับแกรนด์แคนย่อนหรือแกรนด์คาแนลแห่งเวนิส นำท่านเดินลอดประตู Pile Gate ที่มีรูปปั้นของนักบุญ เซนต์เบลส นักบุญประจำเมือง เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองเก่า ชมน้ำพุ Onofrio ซึ่งตั้งเป็นเกียรติแก่สถาปนิกผู้สร้างน้ำพุแห่งนี้ นำท่านเข้าชม The Cathedral หนึ่งในโบสถ์เก่าแก่ประจำเมืองเก่าที่สะสมโบราณวัตถุของพ่อค้าวาณิชที่ได้ทำการค้าขายกับชาวเวนิชในอดีต นำท่านถ่ายรูปกับหอนาฬิกาโบราณ (Bell Tower Clock) จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ พระราชวังเรคเตอร์ (Rector’s palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นโดยผสมผสานศิลปะทั้งแบบโกธิค เรเนซองส์และบาโร๊ค ได้เวลานำท่านแวะถ่ายรูปกับ สปอนซา พาเลส (Sponza Palace) สร้างขึ้นโดยศิลปะแบบโกธิค เรเนซองส์ ในสมัยศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่จัดเก็บเอกสารและสำนักงานส่วนราชการ นำท่านเดินผ่าน ถนนสตราดัน ถนนสายหลักยาวกว่า 398 เมตร ที่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยอาคารสไตล์โรมัน โกธิค และร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านขายของที่ระลึกต่างๆมากมาย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | SHERATON / ARGOSY HOTEL **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 :: | โมสตาร์ (บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา) - ซาราเยโว |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 :: | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองโมสตาร์ (Mostar) (ระยะทางประมาณ 150 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2.45 ชม) อีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มีขนาดเป็นอับดับที่ 5 ของประเทศ ตั้งอยู่ในหุบเขาของแม่น้ำเนเรตวา(Neretva River) นำท่านชมความงดงามและความเก่าแก่ของ สะพาน โบราณ หรือ สตารี มอสต์ สะพานที่ถูกสร้างขึ้นจากหิน โดยมีความสูงจากระดับน้ำซึ่งวัดได้ในช่วงฤดูร้อน ประมาณ 21 เมตร สะพานโบราณ สตารี มอสต์ (Old Bridge Stari Most) ถูกสร้างขึ้นโดยชาวออตโตมันในช่วงศตวรรษที่ 16 และได้ถูกทำลายไปในปี ค.ศ. 1993 ต่อมาในปี ค.ศ. 2004 สะพานเก่าและอาคารหลายหลังในเมืองเก่า ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากคณะกรรมการวิชาการระหว่างประเทศของยูเนสโก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนสะพานโบราณรวมไปถึงบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงที่ใกล้เคียงที่สุดของสะพานให้อยู่ในรายชื่อมรดกโลกของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเมื่อปี ค.ศ.2005 นำท่านชม ย่านเมืองเก่า (Old Town) เพื่อชื่นชมเหล่าอาคารบ้านเรือนซึ่งส่วนใหญ่ล้วนสร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมแบบพรี-ออตโตมัน ออตโตมันตะวันออก เมดิเตอร์เรเนียนและยุโรปตะวันตก นำท่านเข้าชม มัสยิดโกสกี้ เมห์เมด ปาซ่า (Koski Mehmed Paša Mosque) มัสยิดออตโตมันขนาดเล็ก ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1751 หลังถูกทำลายลงช่วงสงครามบอสเนีย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของมัสยิดคือหอคอยสุเหร่าที่ตั้งสูงตระหง่านเหนือตัวเมืองซึ่งว่ากันว่ายอดหอคอยสามารถมองวิวระยะไกลได้ถึง 3 กิโลเมตร |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาราเยโว (Sarajevo) (ระยะทางประมาณ 129 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2.45 ชม. เป็นเมืองใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา มีประชากรอาศัยอยู่ใจกลางเมืองเพียงราว 275,000 คน และกระจายตัวอาศัยอยู่รอบนอกอีกราว 555,000 คน เมืองซาราเยโวถูกขนานนามว่าเป็น “นครเยรูซาเล็มแห่งยุโรปและบอลข่าน” นอกจากนี้ยังเคยถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในเมืองที่น่ามาท่องเที่ยวอันดับต้นๆโดย LONELY PLANET เมื่อปี ค.ศ.2010 เนื่องจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา ศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงการผสมผสานของสถาปัตยกรรมหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ในอดีตกาล ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก 3 ยุคสมัยด้วยกัน คือ ยุคจักรวรรดิออตโตมัน ยุคจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และยุคที่อยู่ภายใต้การปกครองของยูโกสลาเวีย เมืองซาราเยโวเคยเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางที่มีสำคัญเป็นอย่างยิ่งของจักรวรรดิออตโตมันในช่วงศตวรรษที่ 15 และยังถูกบันทึกเป็นเมืองแรกในทวีปยุโรป และเมืองที่สองในโลก ที่มีรถรางไฟฟ้าวิ่งพาดผ่านกลางเมืองเมื่อปี ค.ศ.1885 |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมที่พัก |
ที่พัก | PRESIDENT หรือ PODGORICA HOTEL**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 :: | ซาราเยโว - อิสตันบูล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 :: | |
เช้า | นำท่านเข้าชม อุโมงค์สงคราม (War Tunnel) ที่ขุดขึ้นในช่วงสงครามระหว่างบอสเนียและเซอร์เบีย เมื่อครั้งที่บอสเนีย ต้องการแยกเป็นเอกราชจากยูโกสลาเวีย อุโมงค์แห่งนี้ขุดขึ้นเพื่อลำเลียงอาหาร น้ำ เวชภัณฑ์และกองกำลังทหาร ในระหว่างสงคราม เป็นอุโมงค์ที่ขุดขึ้นภายในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งเท่านั้น แต่ขุดยาวผ่านสนามบินซาราเยโว เพื่อเป็นเส้นทางลำเลียง หลังจากที่เมืองซาราเยโว ถูกกองกำลังเซอร์เบีย โอบล้อม เพื่อไม่ต้องการให้บอสเนียเป็นเอกราช นำท่านชม วิถีทัศน์ภาพการต่อสู้ และการสร้างอุโมงค์แห่งนี้ ย้อนรอยประวัติศาสตร์อันน่าสะเทือนใจ ของเมืองซาราเยโว ในช่วงสงครามบอสเนียในอดีต |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านชมกลับสู่ ย่านเมืองเก่า BASCARSIJA อดีตเคยเป็นย่านบาซาร์เก่าแก่ของยุคออตโตมัน ปัจจุบันเป็นถนนสายหลักของเมืองซาราเยโว ตั้งอยู่ในส่วนเมืองเก่าของซาราเยโว ออกแบบในสไตล์ออตโตมัน-เตอร์กิช เต็มไปด้วยร้านค้าของที่ระลึก ร้านกาแฟ บาซาร์ที่ขายสินค้าหลากหลายชนิด ต่อด้วย ย่านเมืองเก่าซาราเยโว (STARI GRAD) ย่านที่มีสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์ อาทิเช่น สถาปัตยกรรมแบบบอสเนีย ออตโตมัน ออสโตร-ฮังกาเรียน เป็นต้น เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางศาสนาหลายแห่ง นำท่านเข้าชม ความงดงามของ สุเหร่า GAZI HUSREV-BEG MOSQUE ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าแบบออตโตมันที่สำคัญที่สุดในเมืองซาราเยโว ชม มหาวิหารประจำเมืองซาราเยโว (THE CATHEDRAL OF JESUS HEART) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา เป็นที่ประจำตำแหน่งของพระราชาคณะของเมือง เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-กอธิค สร้างในช่วงปี ค.ศ.1884-1889 นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์คริสต์ออโธด๊อกซ์ ที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่ ภายในบริเวณเดียวกัน รวมถึงโบสถ์ของชาวยิวหรือซีนากอฟ ขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่ภายในย่านนี้ นำท่านชม สะพานลาติน (LATIN BRIDGE) ซึ่งเป็นจุดที่อาร์ค ดยุค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ (Franz Ferdinand) รัชทายาทแห่งราชวงศ์ออสเตรียถูกลอบปลงพระชนม์ในวันที่ 28 มิถุนายน 1914 โดยชาวซาราเยโวนายหนึ่ง จนกลายเป็นชนวนเหตุในการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 จากนั้นอิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่นและสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย |
17.30 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินซาราเยโว ***หลังทำการเชคอินแล้ว อิสระให้ท่านรับประทานอาหารค่ำภายในสนามบินตามอัธยาศัย*** |
21.05 น. | ออกเดินทางจากสนามบินพอดกอรีซาสู่ สนามบินอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK1026 (ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชม.) บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน |
วันที่ 10 :: | กรุงเทพมหานคร |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 :: | |
00.05 น. | เดินทางมาถึง กรุงอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง อิสระให้ท่านช้อปปิ้งใน DUTY FREE SHOP ภายในสนามบิน |
01.25 น. | ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 68 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการอาหาร 2 รอบ คือ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า |
15.00 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
ทุกวัน : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel