วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
20.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน U ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
22.50 น. | ออกเดินทางสู่ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 65 (ใช้เวลาบินประมาณ 9.30 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และ สายการบินฯมีบริการ อาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างบิน |
วันที่ 2 | อิสตันบูล - มอลต้า - ฮาการ์ กิม - ล่องเรือ - ราบัต |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
05.45 น. | เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง (กระเป๋าเชคทรูไปมอลต้า) |
08.05 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินมอลต้า (MLA) โดยเที่ยวบิน TK1369 (ใช้เวลาบินประมาณ 2 ช.ม.) |
08.35 น. | เดินทางถึง สนามบินมอลต้า นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่าน ล่องเรือชมทัศนียภาพความสวยงามของเกาะมอลต้า นำท่านถ่ายรูปกับ ถ้ำบลูกรอตโต (Blue Grotto) แห่งเกาะมอลต้า จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ หน้าผาดิงลี (Dingli Cliff) อีกหนึ่งผางามแห่งเกาะมอลต้า หมายเหตุ : การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากอากาศไม่เอื้ออำนวย ทางบริษัทฯ จะจัดกิจกรรมอื่นทดแทน |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชม เมืองราบัต (Rabat) เมืองสําคัญในอดีตของมอลต้าและเป็นแหล่งสําคัญของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมอลต้าอีกด้วย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์เซนต์ปอล (St Paul Cathedral) อันเป็นสถานที่กล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของคริสเตียนในเกาะมอลต้า ที่ซึ่งอัครสาวกเซนต์ปอล ได้เคยมาพักเมื่อเดินทางมาถึงเกาะมอลต้า จากนั้นนำท่านเข้าชม วิลลาโรมัน หรือ คฤหาสน์ของขุนนางโรมันโบราณ (Roman Villa) และ พิพิธภัณฑ์โรมัน (Museum of Roman Antiquities) ซึ่งได้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนห้องต่างๆของขุนนางโรมันที่มาพำนักอยู่บนเกาะมอลต้าในอดีต |
ค่ำ | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Dolmen Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เกาะ โกโซ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่าน นั่งเรือเฟอร์รี่สู่เกาะโกโซ (Gozo Island) คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศมอลต้า โดยเกาะนั้นตั้งอยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) เป็นอีกหนึ่งเกาะในตำนาน ที่บางครั้งมักเรียกว่า เกาะแห่งคาลิปโซ่ ( Isle of Calypso) โดยคาลิปโซ่เป็นธิดาแห่งท้องทะเล ในตำนานกรีก และเป็นบุตรีของเทพแอตลาส เผ่าไททัน นางอาศัยอยู่ในเกาะแห่งความฝัน(Mythical Island) ซึ่งอยู่ที่ Ogygia ในทะเลไอโอเนียน ปัจจุบันเกาะโกโซ เป็นเกาะที่มีความงดงามทางธรรมชาติมาแห่งหนึ่งของหมู่เกาะมอลต้า เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเหล่านักดำน้ำ นำท่านเที่ยวชมและถ่ายรูปกับ กังหันลม Ta Kola และถ่ายรูปกับ ถ้ำคาลิปโซ (Calypso Cave) จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารกันติจา (Ggantija Temples) อีกหนึ่งวิหารเก่าแก่ ที่ปัจจุบันได้รับการบรรจุไว้ในรายชื่อของมรดกโลกในปี ค.ศ.1980โดยวิหารถูกสร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่และถือว่าเป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์หินใหญ่ ที่สามารถย้อนกลับไปในยุคสมัยหินใหม่ (3600-2500 BC) เชื่อกันว่าเป็นวิหารทางศาสนาที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งถึงของโลกอีกด้วย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านถ่ายรูปกับ ป้อมปราการวิคตอเรีย (Victoria Fortress) ที่ตั้งขึ้นตามพระนามของสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤฤษ ในโอกาสเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบรอบ 25 ปี จากนั้นนำท่านเที่ยวชม เมืองเก่าแห่งเกาะโกโซ พร้อมเก็บภาพความสวยงามทั้งธรรมชาติและหมู่อาคารบ้านเรือนโรมันโบราณที่ยังคงความสวยงาม จวบจนปัจจุบัน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชม วิหารทาพินู (Ta Pinu Cathedral) วิหารโรมันคาธอลิกส์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้หน้าผา ในอดีตเป็นเพียงโบสถ์หินขนาดเล็กยุคศตวรรษที่ 15 และถูกต่อเติมและสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1922-1932 แบบสไตล์นีโอโรแมนติค ด้านในโบสถ์ประดับด้วยภาพโมเสคจำนวน 6 ภาพ และกระจกสีจำนวน 76 บาน และมีหอระฆังสูง 61 เมตร นับเป็นอีกหนึ่งโบสถ์ที่มีความสำคัญของคริสตจักร เนื่องจากพระสันตะปาปามาเยือนถึง 2 ท่าน ซึ่งโป๊ปจอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จมาเยื่อเมื่อปี ค.ศ.1990 และ โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 14 มาเยือนเมื่อปี ค.ศ. 2010 และได้มอบกุหลาบสีทอง หรือ โกลเด้นโรส (Golden Rose) สัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ไว้ ณ โบสถ์แห่งนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Dolmen Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | วาเลตต้า |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านชม เมืองหลวงของสาธารณรัฐมอลต้า ซึ่งได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อของ Jean Parisot De La Valetta ผู้ซึ่งสามารถป้องกันการรุกรานเกาะมอลต้า จากออตโตมานในปี 1565 เมืองวัลเลตตาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1980 นำท่านชม สวนบารัคคา (Barracca Garden) สวนสวยที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ส่วนบุคคล แต่ภายหลังได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 1824 ภายในสวนประกอบไปด้วย Upper Barracca และ Lower Barracca ในส่วน Upper นั้นได้สร้างขึ้นในปี 1661 โดยอัศวินชาวอิตาเลียน จากบริเวณสวนจะเห็นวิวของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ได้ชัดเจน นำท่านเข้าชม วิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Cathedral) สร้างโดยอัศวิน เซนต์จอห์นเพื่อมอบเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์เหล่าอัศวินทั้งหลาย ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือการ ออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิกและศิลปินชาวมอลต้าในช่วงศตวรรษที่ 16 จากนั้นชม AUBERGE DE CASTILLE อาคารที่มีความสง่างามและใหญ่โตที่สุดแห่งหนึ่ง ในเมืองวัลเลตตา ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของคาบสมุทรซึ่งถูกออกแบบให้เป็นสถานที่หรูหราที่สุด ปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรีของประเทศสาธารณรัฐมอลต้า สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1574 โดยสถาปนิกชาวมอลต้าชื่อ GIROLAMO CASSAR และมีการสร้างบูรณะใหม่อีกครั้งในปี 1741 นำท่านเข้าชม พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grand Master Palace) อดีตพระราชวังยุคศตวรรษที่ 16 ถือครองโดย อุสตาจิโอ้ เดล มอนเต้ ญาติคนสนิทของผู้ครองแคว้นมอลต้านาม ฌองป์ เดอลา วาเลตเต้ แรกเริ่มเดิมทีถูกใช้เป็นสถานที่บัญชาการรบของอัศวินในยุคนั้น และภายหลังเสร็จสิ้นสงคราม ได้ถูกต่อเติมเป็นพระราชวัง แต่แล้วถูกโอนย้ายเปลี่ยนมือเป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองจากประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และกลับมาถือครองโดยประเทศมอลต้าภายหลังประกาศเอกราชในปี ค.ศ.1964 และในปัจจุบันถูกใช้เป็นอาคารรัฐสภาแห่งมอลต้า สถานที่ทำงานของประธานาธิบดีแห่งมอลต้า ภายในตัวอาคารตกแต่งแบบนิโอคลาสสิค และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในบางส่วนที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และยุทโธปกรณ์ของอัศวินในอดีต |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชม เมืองเก่าแห่งเกาะมอลต้า อันได้แก่ เมืองแซงเกลีย (Senglea) และเมืองวิททอริโอซา (Vittoriosa) ซึ่งเป็นเมืองที่ได้มีสร้างกำแพงป้อมปราการโอบล้อมโดยรอบ นำท่านแวะถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ป้อมปราการโบราณ, โบสถ์ประจำเมือง, ศาลาว่าการเมือง และท่าเรือเมืองเก่า |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Dolmen Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | อากริเจนโต - มอนเรอาเล - ปาแลร์โม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางเพื่อขึ้นเรือเฟอร์รี่ ข้ามสู่ เมืองปอซซาโล |
06.30 น. | เรือเฟอร์รี่ออกจากท่าเรือ มุ่งหน้าสู่ เมืองปอซซาโล |
08.00 น. | เรือเฟอร์รี่เดินทางถึง เมืองปอซซาโล ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเปียซซา อาร์เมรินา (Piazza Armeria) (ระยะทาง 131 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.20 ชั่วโมง) นำท่านเข้าชม คฤหาสน์ขุนนางโรมัน (Roman Villa Del Casale) อดีตบ้านพักตากอากาศของขุนนางโรมันสมัยก่อน ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 จุดเด่นของที่นี่คือฝาผนังและพื้นทางเดินที่ประดับประดาไปด้วยงานศิลปะโมเสค มีการไล่แสงสีทำให้ภาพมีมิติอย่างน่าอัศจรรย์และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองมอนเรอาเล (Monreale) (ระยะทาง 168 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2.20 ชั่วโมง) นำท่านเข้าชม มหาวิหารมอนเรอาเล (Monreale Duomo) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์แห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นโดยกษัตริย์วิลเลียมที่ 2 ผู้ปกครองดินแดนซิซิลี ในช่วงปี ค.ศ. 1060 ภายในวิหารท่านจะได้พบกับความอลังการของโมเสคทอง ซึ่งว่ากันว่าใช้ทองในการประดับประดาทั้งหมด 2,200 กก.เลยทีเดียว นับเป็นโบสถ์โมเสคที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากโบสถ์เซนต์โซเฟียที่ตุรกี และที่น่าอัศจรรย์คือ โมเสคที่เห็นทั้งหมดนี้ใช้เวลาสร้างแค่ 8 ปีเท่านั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองปาแลร์โม (Palermo) (ระยะทาง 15 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที) เมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเองซิซิลี ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ปลายรองเท้าบูทของอิตาลี มีประวัติต่อเนื่องยาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรปจึงตกเป็นเป้าหมายของการยึดครองจากชนชาติที่มีอำนาจเข้มแข็งในช่วงเวลาต่างๆเริ่มตั้งแต่กรีก โรมัน คาร์เทธ อาหรับ นอร์มัง เยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน แต่ละชาติผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาปกครองดินแดนนี้ขณะเดียวกันก็ได้นำเอาศิลปวัฒนธรรมของตนเข้ามาด้วย เกาะนี้จึงมีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่หลากหลายผสมผสานกันหากแต่ลงตัว นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยความงามทางธรรมชาติ ของทั้งชายหาด ทะเล และภูเขาไฟ ด้วยความที่อยู่ห่างไกลท่านจะสามารถสัมผัสถึงความเป็นอิตาเลียนดั้งเดิม อย่างที่หาไม่พบอีกแล้วตามเมืองใหญ่ในอิตาลีภาคพื้นทวีป |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Astoria Palace Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | ปาแลร์โม - เซฟาลู - ทอร์มินา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านถ่ายรูปกับ Palazzo dei Normanni อดีตราชวังของกษัตริย์นอร์แมน ปัจจุบันใช้เป็นสภาท้องถิ่นประจำเมือง นำท่านชม น้ำพุ Fontana della Vergogna น้ำพุแกะสลักสไตล์เรเนอซองส์ซึ่งสั่งทำจากฟลอเรนซ์ นำท่านชม Cappella Palatina โบสถ์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์โรเจอร์ที่ 2 พระราชาซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีฐานะล่ำซำที่สุดในยุโรป โดยโบสถ์นี้ยังถือเป็นต้นแบบของวิหาร Monreale ที่สร้างขึ้นในอีก 40 ปีให้หลังด้วย หลังคาโดมประดับด้วยโมเสคทองรูปพระเยซูและเทวดาทั้งแปด นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซฟาลู (Cefalu) (ระยะทาง 99 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม เมืองเซฟาลู (Cefalu) เมืองทางตอนเหนือของเกาะซิซิลี ในจังหวัดปาแลร์โม เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีหาดทรายที่สวยงาม ทอดผ่านบ้านเรือนริมชายหาด ที่สร้างไล่ระดับขึ้นไปตามแนวเขา นับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามของเกาะซิลี ให้ท่านได้แวะถ่ายรูปบนหาดเซฟาลู อันเป็นอีกหนึ่งชายหาดที่สวยงามและติดอันดับของเกาะซิซิลี นำท่านเดินทางสู่ เมืองทอร์มินา (Taormina) (ระยะทาง 232 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Villa Esperia Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ทอร์มินา - เมสซินา - โคเซนซา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านชม เมืองทอร์มินา (Toarmina) เมืองตั้งอยู่บนเนินเขาชายทะเลงดงามดังภาพวาดที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟเอ็ดน่าที่ยังคุกรุ่นอยู่ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดบนเกาะซิซิลี นำท่านเดินทางสู่ ถนนคอร์โซ อัมเบอร์โต้ (Corso Umberto) ถนนสายหลักของเมือง อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้ง โดยสองข้างทางมีร้านอาหาร, ร้านขายของฝากและสินค้าพื้นเมืองมากมาย นำท่านเข้าชม โรงละครกรีก (Greek Theatre) สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล เป็นโรงละครกรีกที่ตั้งอยู่บนจุดที่ดีที่สุดในบรรดาโรงละครกรีกทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก ด้านหลังเป็นวิวของเมืองทอร์มิน่าบนไหล่เขา ทะเลไอโอเนียน และภูเขาไฟเอ็ดน่า โรงละครกรีกแห่งนี้ยังคงถูกใช้งานในช่วงฤดูร้อน โดยเป็นหนึ่งในสถานที่จัดเทศกาลงานศิลปะนานาชาติของเมืองที่มีชื่อว่า ทอร์มิน่า อาร์เต้ นำท่านแวะถ่ายรูป วิหารซานนิโคลา (Cathedral of San Nicola) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเทอร์มินา สร้างขึ้นในสมัยยุคกลางศตวรรษที่ 13 สไตล์บาร็อก โดยชาวสวาเบียน ด้านหน้าคือ น้ำพุ “Baroque Fountain” อิสระให้ท่านชมเมือง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองวิลลา ซานจิโอวานี (Villa San Giovanni)เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่ ข้ามสู่เกาะซิซิลี (Sicily) เกาะสวรรค์ของคนอิตาลี เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีประวัติต่อเนื่องยาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลีและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีช่องแคบเมสซีนาคั่นระหว่างตัวเกาะกับแผ่นดินใหญ่อิตาลี บนเกาะมีภูเขาไฟเอตนาสูง 3,320 เมตรเป็นจุดที่สูงที่สุดของเกาะ มีประชากรอาศัยอยู่บนเกาะกว่า 5 ล้านคน ซึ่งทั้งเกาะยังมีฐานะเป็นแคว้นปกครองตนเองซิซิลี นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคเซนซา (Cosenza) (ระยะทาง 177 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองทางใต้ของอิตาลี ตรงบริเวณที่แม่น้ำบูเซนโตกับแม่น้ำกราติสไหลมาบรรจบกัน เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโคเซนซา มีสถาบันโคเซนเทียน (Cosentian Academy) ที่ถือเป็นสถานศึกษาด้านปรัชญาและวรรณคดีแห่งแรกที่ก่อตั้งในอิตาลีและในยุโรป (ค.ศ. 1511) ปัจจุบันเมืองยังคงเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม มีพิพิธภัณฑ์ โรงละคร ห้องสมุดอยู่หลายแห่ง นำท่านเที่ยวชม เมืองโคเซนซา อีกหนึ่งเมืองเก่าและเมืองสวยแห่งอิตาลีใต้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Italiana Hotel Cosenza หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | เมทารา - อัลเบอโรเบลโล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองมาเทรา (Matera) (ระยะทาง 203 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นบาซีลีกาตา (Basilicata) หนึ่งใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี ตัวเมืองตั้งอยู่เหนือหุบเขาที่มีแม่น้ำสายเล็กๆไหลผ่าน เมื่อเดินเข้ามาภายในตัวเมืองจะได้พบกับถนนสายเล็กๆที่ปูด้วยหิน ที่ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนอันแสนเก่าแก่ เป็นเมืองที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองใต้ดิน หรือ เมืองมนุษย์ถ้ำ นั่นเอง จนกระทั่งในปี 1993 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก สำหรับ นครถ้ำโบราณ Sassi di Matera เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 9,000 ปี นำท่านเที่ยวชมความสวยงามแปลกตาของนครถ้ำแห่งนี้ พร้อมเก็บภาพความสวยงามของลักษณะภูมิประเทศอันแปลกตาของเมืองนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัลเบอโรเบลโล (Alberobello) (ระยะทาง 67 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Bari แคว้นปูเกลีย (Puglia) ประเทศอิตาลี เป็นหมู่บ้านหินปูนของชุมชนโบราณ ที่ชื่อว่า Trulli นำท่านชมความสวยงามของหมู่บ้านหินปูน หลังคาทรงกลวย หรือยอดกลมจึงส่งผลให้หมู่บ้านแห่งนี้มีความสวยงามแปลกตามาก องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 1996 อิสระให้ท่านได้มีเวลาเก็บภาพความสวยงามและบรรยากาศของหมู่บ้านโบราณสีขาวแปลกตาที่ยากจะพบเห็นในอิตาลี แต่ยังคงอนุรักษ์ได้อย่างดีเยี่ยม ณ เมืองแห่งนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | La chiusa di chietri Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | บารี |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองบารี (ระยะทาง 66 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองที่อยู่ใกล้กับทะเลเอเดรียติก จนได้รับสมญานามว่า “แคลิฟอร์เนียตอนใต้ของอิตาลี” เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้า เป็นศูนย์กลางการเดินเรือและศูนย์กลางของอาณาจักรไบแซนไทน์ทางตอนใต้ของอิตาลี เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางศาสนา เนื่องด้วยเซนต์นิโคลัสมาจาริกแสวงบุญที่เมืองนี้ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองได้ถูกทำลายด้วยระเบิดไดนามิก และได้ทำการบูรณะสร้างเมืองขึ้นใหม่ ปัจจุบันจึงเห็นบ้านเรือนที่ทันสมัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ยังคงสามารถเห็นซากความเจริญในอดีตที่ยังคงเหลือไว้ นำท่านเข้าชม ปราสาทซูโว (Svevo Castle) ซึ่งเป็นปราสาทที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจมืด (Dark Symbol of Power) ตัวปราสาทสร้างขึ้นในศิลปะแบบนอร์แมน-สวาเบียน ระหว่างปี 1501-1523 โดย อิซเบลแห่งอารากอน และ โบนา สฟอร์ซา เจ้าหญิงแห่งบารี สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันในอดีต |
เที่ยง | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินบารี |
15.25 น. | ออกเดินทางจาก สนามบินบารี สู่ สนามบินอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK1446 |
19.25 น. | เดินทางมาถึง กรุงอิสตันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง อิสระให้ท่านช้อปปิ้งใน DUTY FREE SHOP ภายในสนามบินแห่งใหม่ของอิสตันบูลซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และมีร้านค้าให้เลือกซื้อของมากมาย |
วันที่ 10 | กรุงเทพมหานคร |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 | |
01.25 น. | ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK 68 (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง) สายการบินฯ มีบริการอาหาร 2 รอบ คือ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า |
15.05 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |
หมายเหตุ : หากสมุดบัญชีแสดงยอดรวมที่มีการกระโดดข้ามเดือน (ยอดไม่ต่อเนื่อง) เช่นจากเดือน 1 ข้ามไปเป็นยอดของ เดือน 3 (เดือน 2 ไม่มี) ท่านต้องไปขอ Bank statement จากทางธนาคารแทนการถ่ายสำเนาสมุดบัญชี
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
ทุกวัน : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel