ทัวร์ยุโรป พระอาทิตย์เที่ยงคืน นอร์ทเคป - โลโฟเตน (สวีเดน – ฟินแลนด์ – นอร์เวย์ – เดนมาร์ก) เที่ยวสวีเดน

ค้นหาโปรแกรมทัวร์

DE1029 : โปรแกรมทัวร์ยุโรป พระอาทิตย์เที่ยงคืน นอร์ทเคป - โลโฟเตน (สวีเดน – ฟินแลนด์ – นอร์เวย์ – เดนมาร์ก) 14 วัน 11 คืน (TG)

Thai Airways (TG)


14 วัน พระอาทิตย์เที่ยงคืน นอร์ทเคป - โลโฟเตน
สวีเดน – ฟินแลนด์ – นอร์เวย์ – เดนมาร์ก
(เส้นทางอันซีน...พร้อมตกปูยักษ์... หมู่เกาะโลโฟเตน และ แอตแลนติกโร้ด) 

สตอกโฮล์ม (สวีเดน) |  ล่องเรือซิลจาไลน์ | เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์) | อิวาโล | ลักเซล | ออนนิงสแวก (กิจกรรมจับปูยักษ์ พร้อมลิ้มลองเมนูปูยักษ์) | ไอซ์บาร์ | นอร์ทเคป (ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน) | อัลต้า | ทรุมเซอ | หมู่เกาะโลโฟเตน | หมู่บ้านแฮมนอยด์ | โบโด | ทรอนด์เฮม | คริสเตียนซุนด์ | แอตแลนติกโร้ด | ออสโล (นอร์เวย์) | ล่องเรือ DFDS (ห้อง Sea View) | โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก)

รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพมหานคร – สตอกโฮล์ม
22.00 น.คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน D (แถว D) ประตูทางเข้าที่ 1- 4 อาคารผู้โดยสาร สายการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
(แนะนำให้ท่านจัดกระเป๋าใบเล็ก สำหรับพักค้างบนเรือ Sijaline 1 คืน กระเป๋าใบใหญ่เก็บไว้ในตู้เรือ)
วันที่ 2สตอกโฮล์ม – พิพิธภัณฑ์เรือรบโบราณวาซาร์ – ซิตี้ฮอลล์ – ล่องเรือซิลจาไลน์
01.10 น.ออกเดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิสู่สนามบินอาลันดา (ARN) โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG960 สายการบินบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า บนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 10.50 ช.ม.)
07.00 นเดินทางถึง สนามบินอาลันดา ประเทศสวีเดน นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

นำท่านชม กรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งตั้งอยู่บนหมู่เกาะใหญ่น้อยโอบล้อมด้วยทะเลสาบมาลาร์ ก่อกำเนิดนครอันงามสง่าริมคลองมากมาย ผ่านชมโรงละคร ทำเนียบรัฐบาล นำท่านเข้าชมศาลากลางจังหวัด (City hall) อันมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในการจัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลท่านจะได้ ชม ห้องจัดเลี้ยง (Blue Hall) รวมทั้งห้องโถงที่ใช้ในการเต้นรำซึ่งประดับประดาไปด้วยโมเสคทองคำกว่า 18 ล้านชิ้น ศาลาว่าการแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวสวีเดน Ragnar Ostberg สร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8 ล้านก้อนและมุงหลังคาด้วยหินโมเสค สร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 1911 นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือรบโบราณวาซาร์ ซึ่งได้รับการกู้ขึ้นมาหลังจากจมอยู่ในน้ำเป็นเวลา 333 ปี ท่านจะได้ชมสิ่งของเครื่องใช้ภายในเรือ ตลอดจนเรือวาซาร์ที่แท้จริงเกือบสมบูรณ์แบบเหมือนเมื่อสมัย ค.ศ.1625 ที่พระเจ้ากุสตาฟอดอลฟุสที่ 2 ดำริให้สร้างเรือรบนี้ขึ้นมาเพื่อขยายอำนาจทางการทหารทั่วยุโรป
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่ายนำท่านขึ้นจุดชม วิวบนเนินเขา Fjallgatan เพื่อบันทึกภาพของกรุงสตอกโฮล์มจากมุมที่สวยที่สุด เมืองที่ได้รับสมญานามว่า “เวนิสแห่งยุโรปเหนือ” และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น “นครหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป” อิสระให้ท่านได้ชมวิวสวยของตัวเมืองที่ตั้งและโอบล้อมไปด้วยเกาะใหญ่ 14 เกาะ แล้วย้อนอดีตโดยชมย่านเมืองเก่าที่มีอายุมากกว่า 700 ปี “กามลา สตาน” (Gamla Stan) ที่มีการตั้งบ้านเรือนบนเกาะนี้ตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 และมีการรักษาสภาพไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

นำท่านเที่ยวชม ภายในเมืองเก่าโอลด์ซิตี้ ท่านจะได้สัมผัสกับหมู่อาคารหลากสีมากมายที่เรียงรายรอนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเก็บภาพความน่าประทับใจ จากนั้นนำท่าน ผ่านชมพระบรมมหาราชวังบนเกาะสตาเดน ชมวังหลวงอันโอ่โถงงาม สง่าด้วยสถาปัตยกรรมสมัยเรเนซองส์ ปัจจุบันเป็นที่เลี้ยงรับรองผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล 
15.00 น.นำท่านเดินทางสู่ ท่าเทียบเรือสตอกโฮล์ม เพื่อเชคอินลงเรือสำราญ Silja Line
16.45 น.เรือสำราญออกจาก ท่าเทียบเรือสตอกโฮล์ม (ประเทศสวีเดน) มุ่งสู่ท่าเทียบเรือ เฮลซิงกิ (ประเทศฟินแลนด์)
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ภายในเรือสำราญ 

อิสระให้ท่านพักผ่อน ภายในเรือสำราญ Silja Line (ห้องพักแบบ OUTSIDE CABIN- SEA VIEW)
วันที่ 3เฮลซิงกิ 
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ

เรือสำราญจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือเฮลซิงกิ นำท่านเชคเอาท์จากเรือสำราญ 

นำท่านเที่ยวชม เซเนท สแควร์ (Senate Square) เป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ๆ และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมี อนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า

จากนั้นนำท่านชม อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Sibelius Park ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ที่แปลกตามากๆออกแบบโดย Eila Hiltunen เป็นการสร้างโดยนำเอาแท่งเหล็กจำนวน 600 แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม ที่มีความสูง 85 ม. กว้าง 10.5 ม. ลึก 6.5 ม. และหนัก 24 ตันตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่น

จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเซอูราซาอารี (Seurasaari Open Air Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จัดแสดงบ้านเรือนในแต่ละภูมิภาคของประเทศฟินแลนด์ ตลอดจนจำลองสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวฟินแลนด์ ให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามและบ้านเรือนอันแปลกตาของชาวแลปแลนด์ที่สามารถชมได้จากสถานที่แห่งนี้
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านถ่ายรูป มหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) ซึ่งในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม ตั้งเด่นตระหง่านอยู่จนเรียกว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กของเฮลซิงกิก็ว่าได้ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างเป็นจำนวนมาก จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) เป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1862 – ค.ศ. 1868 ออกแบบก่อสร้างโดย Aleksei Gornostajev สำหรับมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับรัสเซีย ที่เคยปกครองฟินแลนด์อยู่ถึง 108 ปี

จากนั้นนำท่านชม โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ" (Temppeliaukio Church) หรือที่รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" (Rock Church) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "โบสถ์แห่งความรัก" ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 แล้วเสร็จวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป และมีความเชื่อว่าหากใครก็ตามมาจุดเทียนอธิษฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้ก็จะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐานทุกประการ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เพราะว่ากันว่าคู่รักที่มาจัดพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งนี้จะครองรักกันยืนยาว

นำท่านสู่ ห้างสรรพสินค้าฟอรั่ม (Forum Shopping Center) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองเฮลซิงกิ ซึ่งมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
19.00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเฮลซิงกิ 
21.35 นออกเดินทางจาก สนามบินเฮลซิงกิ สู่ สนามบินโรวาเนียมิ โดยเที่ยวบิน AY537 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 ชั่วโมง)
22.50 นเดินทางถึง สนามบินโรวาเนียมิ
ที่พักScandic Pohjanhovi Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 4หมู่บ้านซานตาคลอส  –  ฟาร์มกวางเรนเดียร์ – อิวาโล
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) ดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นำท่านถ่ายรูปกับ เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เส้นแบ่งเขตแดนตามเส้นรุ้งและเส้นแวงเพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลจะอยู่ที่  66 องศา 33 ลิปดา 44 ฟิลิปดาเหนือ เป็นตัวบ่งบอกจุดเหนือสุดที่ในเวลา 1 ปี คนที่อยู่แถบนี้ มีโอกาสไม่พบกับพระอาทิตย์ขึ้นเลยอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือพระอาทิตย์ไม่ตกเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

นำท่านแวะชม ซานตาคลอสออฟฟิศ (Santa Claus Office) หรือที่ทำการของซานตาคลอส ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสมากมาย พร้อมทั้งให้ท่านได้พบกับลุงซานต้าคลอสตัวโตในชุดคริสต์มาสสีแดงที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

นำท่านแวะชม ที่ทำการไปรษณีย์ซานตาคลอส (Santa Claus Main post office) ท่านสามารถเลือกซื้อไปรษณียบัตรหลากหลายสีสันเพื่อเขียนอวยพรครอบครัวและมิตรสหาย พร้อมทั้งฝากซานต้าคลอสส่งกลับมายังประเทศไทยได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นี้ อิสระให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปในบริเวณหมู่บ้านซานตาคลอสที่ประดับประดาด้วยธีมคริสต์มาสอันสวยงามตามอัธยาศัย หรือจะเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก ภายในหมู่บ้านซานตาครอสแห่งนี้
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านเดินทางสู่ ฟาร์มกวางเรนเดียร์ (Reindeer Farm) หรือฟาร์มกวางคารีบู ให้ท่านได้สัมผัสกับความน่ารักของกวางเรนเดียร์ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่  โดยตัวผู้มีขนาดใหญ่ ขนาดโตเต็มที่มีน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม และสูงประมาณ 214 เซนติเมตร ขนตามลำตัวยามปกติจะมีสีน้ำตาล แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ขนจะเปลี่ยนไปเป็นสีอ่อนขึ้น หรือสีขาว ชาวแลปแลนด์นิยมเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานสำหรับรถลากเลื่อน อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับกวางเรนเดียร์แห่งแลปแลนด์อย่างใกล้ชิด

ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลิเซก้า (Saariselka) เมืองท่องเที่ยวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฟินแลนด์มีชื่อเสียงอย่างมาก ทางด้านที่พักและรีสอร์ท (ระยะทาง 260 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เมืองที่ตั้งในเขตการปกครองอินารี (Inari) ในเขตแลปแลนด์ ของประเทศฟินแลนด์ เป็นเมืองสกีรีสอร์ท และ ยังเป็นเมืองหน้าด่านประตูที่มุ่งสู่นอร์ธเคป หากเดินทางมาจากฝั่งฟินแลนด์ ในอดีตเมืองนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามแลปแลนด์ (Lapland war) ในช่วงระหว่างปี 1944-1945 ซึ่งถูกรุกรานโดยกองทัพเยอรมัน อย่างไรก็ตามหลังสงครามเมืองอิวาโล ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่กลายเป็นเมืองที่มีความสวยงามเหมือนในปัจจุบัน
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พัก Ivalo Hotel ****หรือเทียบเท่า
วันที่ 5อิวาโล (ฟินแลนด์) – ลักเซล – ออนนิงสแวก – นอร์ธเคป (ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน)
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองลักเซล (Lakselv) ระยะทาง 229 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.45Nor ชม.  เมืองทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ เรียกได้ว่าใกล้เขตกรีนแลนด์มาก เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของเขตแลปแลนด์ เรียกได้ว่าเป็นผืนแผ่นดินของนอร์เวย์ที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากอีกแห่งหนึ่ง ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพของเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของอาณาเขตแลปแลนด์ นำท่านเที่ยวชมเมืองลักเซล เมืองเล็กๆที่เป็นจุดผ่านขึ้นสู่นอร์ธเคป 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านเดินทางสู่ เมืองฮอนนิงสแวก (Honningsvag) ระยะทาง 163 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.  ดินแดนที่อยู่ทางเหนือสุดของโลก โดยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์ เป็นแคว้นกว้างใหญ่ซึ่งเป็นบริเวณแห่งทะเลน้ำแข็ง (Arctic Circle) และเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun) ระหว่างทางท่านจะได้ชื่นชมกับธรรมชาติสองข้างทาง ป่าไม้อันงดงามตามแบบฉบับขั้วโลกเหนือ นำท่านเดินทางผ่านอุโมงค์ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีที่ชาวนอร์เวย์ภูมิใจเมื่อปี คศ. 1999 ที่ผ่านมา ซึ่งมีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ลึกลงจากพื้นทะเลกว่า 50 เมตร เมืองฮอนนิงสแวกนี้ในอดีตเป็นเมืองท่าศูนย์กลางการล่าปลาวาฬที่มีชื่อเสียงและเป็นท่าเรือในการขนถ่ายปลาทะเลที่สำคัญของนอร์เวย์ รวมทั้งยังเป็นเมืองที่มีช่วงเวลาของฤดูหนาวยาวนานที่สุด 

นำท่าน สัมผัสประสบการณ์จับปูยักษ์ (King Crab Safari) โดยนั่งเรือ  ตื่นตาตื่นใจกับการจับปูยักษ์ตัวเป็นๆให้ท่านได้ลองจับและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก กับกิจกรรมจับปูยักษ์ นับเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมเมนู ปูยักษ์

นำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งของ “ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป” ซึ่งตั้งอยู่บนปลายแหลมนอร์ธเคป อิสระให้ท่านชมภาพถ่ายเกี่ยวกับการประพาสของรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2450 ซึ่งพระองค์ได้จารึกพระปรมาภิไธยบนก้อนหินขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันได้จัดแสดงไว้ให้ชาวไทยได้มีความภาคภูมิใจในพระปรีชาสามารถภายในพิพิธภัณฑ์สยาม ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศไทย รับฟังและชมเรื่องราวของปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในห้อง Auditorium ก่อนที่จะไปชมปรากฏการณ์จริงด้านนอก
0.00 น.หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ท่านจะได้ชมความงามของ “พระอาทิตย์ที่ส่องแสงสีทองงามจับตาใน ยามเที่ยงคืน หรือที่รู้จักในนาม “Midnight Sun” ภาพดวงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำในมหาสมุทรอาร์กติก ในดินแดนสุดขอบโลก พร้อมรับ“ประกาศนียบัตร” และดื่มแชมเปญฉลอง ณ จุดเหนือสุดของแผ่นดินนอร์เวย์ เป็นที่ระลึกในการที่ท่านได้เดินทางมาเยือนดินแดนอันเป็น “ที่สุด” แห่งนี้
ที่พักScandic Nordkapp Hotel *** หรือเทียบเท่า
วันที่ 6ออนนิงสแวก – อัลตา  – ทรุมเซอ
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

อิสระให้ท่านได้พักผ่อนและเดินเล่นรอบโรงแรมได้ตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอัลตา (Alta) ระยะทาง 207 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.15 ชั่วโมง เพื่อขึ้นเครื่องบินสู่เมืองทรุมเซอ (Tromso) เมืองอัลตา (Alta) ทางเหนือของนอร์เวย์ ห่างจาก Artic Circle ราว 375 กิโลเมตร เมืองใหญ่ที่สุดในฟินน์มาร์ก เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวประมงว่ามีแหล่งน้ำที่มีปลาแซลมอนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เมืองที่มีงานเทศกาล Finnmarksløpet ซึ่งเป็นการแข่งขันรถลากเลื่อนสุนัขชื่อดังของยุโรปที่จะจัดขึ้นในทุกๆ ปี อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการแกะสลักหิน ความงดงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมทำให้เมืองอัลตาได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก

นำท่านผ่านชม โบสถ์แห่งแสงเหนือ (Northern Lights Cathedral) โบสถ์สไตล์โมเดิร์นที่มีแสงเหนือเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ
เย็นรับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
19.00 น.นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอัลตา
21.45 น.ออกเดินทางจาก สนามบินอัลตา สู่ สนามบินทรุมเซอ โดยเที่ยวบิน WF 929 ใช้เวลาบินประมาณ 40 นาที
22.25 น.เดินทางถึง สนามบินทรุมเซอ
ที่พักScandic Ishavshotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 7ทรุมเซอ – โลโฟเตน   
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยวชม เมืองทรุมเซอ (Tromso) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในเขตมณฑลทรอม (Troms) อีกหนึ่งมณฑลทางตอนเหนือของนอร์เวย์ และทางตอนเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวียน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอาร์คติกเซอร์เคิลอีกด้วย นำท่านชมบริเวณย่านใจกลางเมือง ท่านสามารถชมความงดงามของเหล่าสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเหล่าอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาด

จากนั้น นำท่านเข้าชม มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) มหาวิหารไม้ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความเก่าแก่ที่สุด และยังเป็นหนึ่งในโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์ โดยมหาวิหารสร้างขึ้นในช่วงปี 1861 ในแบบสไตล์โกธิคที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง 

นำท่านเข้าชมมหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral) มหาวิหารที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่โดดเด่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์  มหาวิหารอาร์คติก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในทรุมเซอ โดยมหาวิหารนี้สร้างขึ้นในปี 1965 เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถชมความงดงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อย่างชัดเจน

นำท่านสัมผัสกับประสบการณ์การนั่งเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) ยอดเขาที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองทรุมเซอได้อย่างชัดเจน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความงามเมืองทรุมเซอจากมุมสูง หากมีเวลาให้ท่านได้เดินเล่นและเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่ายนำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่ ผ่านฟยอร์ดต่างๆมากมาย ให้ท่านสัมผัสกับธรรมชาติอันแสนพิสุทธิ์ของประเทศนอร์เวย์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพระหว่างการนั่งเรือเฟอร์รี่ สู่หมู่เกาะโลโฟเตน

นำท่านเดินทางสู่ เมืองสโลเวอร์ (Svolvaer) (ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง) เมืองในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) ของประเทศนอร์เวย์และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเกาะโลโฟเตน เกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งของประเทศนอร์เวย์ ระหว่างการเดินทางสู่เมืองสโลเวอร์ท่านจะได้ชมและสัมผัสกับธรรมชาติสองข้างทางที่สวยงามและแปลกตายิ่งแห่งเกาะโลโฟเตน อีกทั้งโลโฟเตนยังได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่สามารถชมแสงเหนือและถ่ายภาพได้สวยงามอีกแห่ง อันเป็นผลจากการที่มีเทือกเขาล้อมรอบและมีหมู่บ้านชาวประมง ริมหาดเป็นช่วงๆ ช่วงฤดูร้อนบนเกาะโลโฟเตนได้ชื่อว่า “สวรรค์บนดิน” ของนักท่องเที่ยว และในช่วงหน้าหนาว 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักScandic Svolvaer Hotel / Thon Hotel Lofoten **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 8เกาะโลโฟเตน – เลคเนส – พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง – รีนน์ – นัสฟยอร์ด – แฮมนอยด์
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเลคเนส (Leknes) เมืองเล็กๆน่ารักอีกเมืองบนเกาะโลโฟเตน นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง (Viking Museum) ซึ่งจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวไวกิ้งในอดีตที่ย้ายถิ่นฐานมาปักหลัง ณ ผืนแผ่นดินนอร์เวย์ในปัจจุบัน ท่านจะได้ชมข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนการแต่งกายของชาวไวกิ้งในอดีต

นำท่านเดินทางสู่ เมืองนัสฟยอร์ด (Nusfjord) อีกหนึ่งเมืองเล็กๆน่ารักๆแห่งเกาะโลโฟเตน ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันแปลกตา ภูเขาสลับแม่น้ำ และทะเลสาบที่สะท้อนภาพเทือกเขาบนผืนน้ำ ระหว่างการเดินทางสู่เมืองนัสฟยอร์ด

นำท่านเที่ยวชมหมู่บ้านชาวประมง (Fisherman Village) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดียิ่งอีกแห่งของนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้มีการรังสรรค์หมู่บ้านหลากสีสัน ทั้งแดง เหลือง เขียว และยังคงอนุรักษ์บ้านเมืองเก่าไว้อย่างดียิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย หรือจะนั่งเล่นชิลล์ๆ จิบกาแฟ ชื่นชมกับธรรมชาติของเมืองนี้ นอกจากนี้เมืองนัสฟยอร์ดยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่ายนำท่านเดินทางสู่ เมืองรีนน์ (Reine) (ระยะทาง 41 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที) นำท่านเที่ยวชมหมู่บ้านแฮมนอยด์ (Hamnoy) หมู่บ้านชาวประมงที่ปรากฏอยู่ในโปสการ์ดโลโฟเตน ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้บ่อยตามร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ภาพหมู่บ้านชาวประมงหลากสี พร้อมวิวของเทือกเขาสูงเป็นฉากหลังนับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามยิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของหมู่บ้านแฮมนอยด์ตามอัธยาศัย                 

ได้เวลานำท่านสู่ เมืองรีนน์ นำท่านเที่ยวชมความน่ารักของเมืองเล็กๆอีกแห่งที่มีมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติ อันสวยงามแห่งเกาะโลโฟเตน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จุดปลายสุดของเกาะโลโฟเตน กับการแวะถ่ายรูปหมู่บ้าน A ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ปลายเกาะโลโฟเตน
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักEliassen Rorbuer Hotel/ Reine Rorbuer Hotel  หรือเทียบเท่า
หมายเหตุ : โรงแรมที่พักในเมืองรีนน์ หลายแห่งเป็นโรงแรมในลักษณะบ้านพักตากอากาศ แบบหมู่บ้านชาวประมง 
ดังนั้นในบ้าน 1 หลังจะมี 2 ห้องนอนและใช้ห้องน้ำเดียวกัน
วันที่ 9รีนน์ – โบโด 
เช้ารับประทานอาหารเช้าแบบ Breakfast Box

นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือมอสคิเนส (Moskenes) เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่สู่เมืองโบโด

เรือเฟอร์รี่ออกเดินทางจากท่าเรือเมืองมอสคิเนส มุ่งหน้าสู่เมืองโบโด ให้ท่านได้อิสระเต็มที่กับการเก็บภาพบรรยากาศของธรรมชาติฟยอร์ดแห่งนอร์เวย์ในระหว่างการล่องเรือสู่ เมืองโบโด ฟยอร์ดแห่งเกาะโลโฟเตน เรียกได้ว่าเป็นเมืองฟยอร์ดที่สวยงามไม่แพ้ ฟยอร์ดแห่งแผ่นดินใหญ่ของนอร์เวย์ หากโชคดีท่านอาจได้เห็นปลาโลมาว่ายน้ำเล่นตามเรือเฟอร์รี่ก็เป็นได้

เรือเฟอร์รี่จอดเทียบท่า ณ เมืองโบโด
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่ายนำท่านเที่ยวชม เมืองโบโด (Bodo) เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นเมืองอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์

นำท่านเข้าชม มหาวิหารประจำเมืองโบโด (Bodo Cathedral หรือ Bodo Domkirke) สร้างขึ้นในช่วง ปี 1956 เป็นมหาวิหารที่ค่อนข้างมีความทันสมัย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองโบโด โดยสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดก็คงจะเป็นหอระฆังที่มีความสูงถึง 36 เมตร และการประดับประดาหน้าต่างที่สวยงาม อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเที่ยวภายในเมืองโบโด 
14.00 น.นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน
16.55 น.ออกเดินทางจาก สนามบินโบโด สู่ สนามบินทรอนด์เฮม โดยเที่ยวบิน …..
18.00 น.เดินทางถึง สนามบินทรอนด์เฮม นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักQuality Hotel Augustin Trondheim **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 10ทรอนด์เฮม – แอตแลนติกโอเชียนโร้ด
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยวชม เมืองทรอนด์เฮม (Trondheim) เมืองสวยอีกแห่งของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคไวกิ้ง ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศนอร์เวย์ บ้านเรือนสองฝั่งสร้างขึ้นในแบบนอร์วีเจียนที่เน้นสีสันโดดเด่นสวยงาม สร้างขึ้นเรียงรายสองฝั่งริมแม่น้ำไนเดลวา (Nidelva) นับเป็นอีกทัศนียภาพที่สวยงามไม่แพ้เมืองเบอร์เก้น นำท่านเที่ยวชมความน่ารักและความสวยงามของเมืองนี้

นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์นิดาโรส (Nidaros Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนี้ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นเก็บภาพความสวยงามของเมืองนี้ตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลานำท่านขึ้นเรือเฟอร์รี่ เพื่อเดินทางสู่เมืองคาร์เนสทรัม (Kanestraum) เพื่อชมทัศนียภาพของเส้นทาง แอตแลนติกโอเชียนโร้ด
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านเดินทางสู่ เมืองคริสเตียนซุนด์ (Kristiansund) ระหว่างทางท่านจะได้ชมความสวยงามของถนนเรียบทะเลหรือที่รู้จักในนามแอตแลนติกโร้ด (Atlantic Ocean Road) มีความยาวทั้งสิ้น 8.3 กิโลเมตรสร้างทอดยาวไปตามเกาะแก่งต่างๆ ของนอร์เวย์  บนเส้นทางที่สูงชันสลับคดเคี้ยว และมีจุด Storseisundet  คือจุดที่สูงและสวยที่สุด เป็นสะพานที่มีเส้นโค้งอย่างน่าทึ่งและสวยงาม ซึ่งใช้เทคนิคในการออกแบบและการก่อสร้างสะพานที่น่าประทับใจมาก ให้ท่านได้ชื่นชมความสวยงามของเส้นทางแอตแลนติกโอเชียนโร้ด ที่ได้ชื่อเป็นเส้นทางที่สวยที่สุด
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักThon Hotel Kristiansund **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 11ออสโล 
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่สนามบินคริสเตียนซุนด์
08.40 น.ออกเดินทางจาก สนามบินคริสเตียนซุนด์ สู่ สนามบินออสโล
09.30 น.เดินทางถึงสนามบินออสโล 

นำท่านเดินทางชมเมืองออสโล (Oslo) หรือกรุงคริสเตียนเนียในอดีต นครหลวงที่ถูกสถาปนาขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปี แต่เบื้องหลังแห่งความศิวิลัยนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ย้อนหลังกว่า 900 ปี ในอดีตออสโลจัดเป็นเมืองอาณานิคมใหญ่ของจักรพรรดิไวกิ้งโบราณซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของพระจ้าฮาโรว์แฟร์แอร์โดยใช้ระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  นำท่านผ่านชมและแวะถ่ายรูปกับอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่เรียงรายอยู่รอบเมืองออสโล อาทิ ปราสาท Akurshus งานสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ในยุคเรอเนสซองส์ สร้างในปี ค.ศ. 1648, ทำเนียบรัฐบาล, เนชั่นแนลเธียเตอร์, อาคารรัฐสภา และศาลาเทศบาลเมืองเก่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองออสโล

นำท่านแวะถ่ายรูปที่ออสโลโอเปร่าเฮาส์ (Oslo Opera House) ที่มีหน้าตาภายนอกคล้ายกับภูเขาน้ำแข็ง หลังคาทำเป็นทางลาด มีลักษณะเหมือนแผ่นน้ำแข็ง ใช้วัสดุหินแกรนิตสีขาว ที่จะกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมในช่วงหน้าหนาว ของออสโลฟยอร์ดตอนใน อันเป็นที่ตั้งของโอเปร่าเฮาส์ ที่มีหิมะและแผ่นน้ำแข็งปกคลุม ที่สำคัญคือ หลังคาที่เป็นทางลาดและทางเชื่อมลาดต่อลงไปยังทะเลในอ่าวนั้น สามารถใช้เป็นพื้นที่สาธารณะให้กับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว ได้เดินปีนขึ้นไปชมวิวมุมสูงของออสโล มองเห็นวิวฟยอร์ดโล่งๆ หรือจะไปพักผ่อนหย่อนใจ นั่งปิกนิก รับแดดรับลม ออกกำลังกาย นัดเจอเพื่อน นัดเจอแฟน ใช้เป็นลานโล่ง ฯลฯ เรียกได้ว่าสถาปัตยกรรมภายนอกนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นพื้นที่ของทุกคน ชื่นชมกับทัศนียภาพอันงดงาม

นำท่านถ่ายรูปพระราชวังหลวงแห่งออสโล (Royal Palace) พระราชวังแบบนีโอคลาสสิก สร้างขึ้นในปี 1848 และเปิดให้บริการนำเที่ยวชมพระราชวังแก่สาธารณชนในช่วงฤดูร้อน บริเวณจัตุรัสด้านหน้าของพระราชวังมีอนุสาวรีย์ของกษัตริย์คาร์ล โจฮาน ซึ่งเป็นกษัตริย์ของสวีเดนและนอร์เวย์ในปี 1818 ถึง 1844 ยืนเด่นเป็นสัญลักษณ์ นำท่านเข้าชมความงามของห้องต่างๆภายในพระราชวังแห่งนี้
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่ายนำท่านเดินทางสู่ ถนนคาร์ส โจฮัน (Karl Johans) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งของเมืองออสโล มีร้านค้าต่างๆ ที่สร้างมาไม่ต่ำกว่า 100 ปี บนถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ PALEET SHOPPING CENTER อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการซื้อของฝากตามอัธยาศัย หรือจะเดินเล่นภายในเมือง พร้อมเก็บภาพตึกเก่า และ สวนสาธารณะที่มีการจัดวางผังเมืองได้อย่างน่าสนใจ 
15.00 น.นำท่านเดินทางสู่ ท่าเทียบเรือออสโล เพื่อเชคอินลงเรือสำราญ DFDS 
17.00 น.เรือสำราญออกจาก ท่าเทียบเรือออสโล (ประเทศนอร์เวย์) มุ่งสู่ ท่าเทียบเรือโคเปนเฮเกน (ประเทศเดนมาร์ก)
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ภายในเรือสำราญ 

อิสระให้ท่านพักผ่อน ภายในเรือสำราญ DFDS (ห้องพักแบบ OUTSIDE CABIN- SEA VIEW)
วันที่ 12โคเปนเฮเก้น 
เช้ารับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ ภายในเรือ

เรือเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือ โคเปนเฮเกน (ประเทศเดนมาร์ก)

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเฮลซิงกอร์ (Helsingor) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลระหว่างช่องแคบของเดนมาร์ก-สวีเดน นำท่านเข้าชมปราสาทเฟรเดอริคส์บอร์ก (Frederiksborg Castle) ปราสาทที่งดงามในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ สร้างขึ้นโดย พระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 2 นอกจากนี้ยังเป็นที่ประทับของกษัตริย์คริสเตียน ในราวศตวรรษที่ 17 ในอดีตพระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาและพิธีสำคัญอื่นๆ ของพระมหากษัตริย์อย่างเช่น พิธีปราบดาภิเษก และยังเป็นสถานที่เก็บของสะสม ตลอดจนผลงานศิลปะของเชื้อพระวงศ์ ภายในตกแต่งด้วยความวิจิตรอ่อนช้อยอร่ามตาด้วยสีทองตามแบบฉบับเรอเนซองส์ และมีห้องจัดแสดงกว่า 70 ห้องที่เปิดให้เข้าชม บนเพดานเกือบทั้งพระราชวังเป็นงานจิตรกรรมของจิตรกรที่มีชื่อเสียง อันแสดงถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บริเวณโดยรอบพระราชวังมีการตกแต่งสวนอันเขียวชอุ่มในแบบบาโรก 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านเข้าชม ปราสาทโครนบอร์ก (Kornborg Castle)  ปราสาทแห่งนี้สร้างมาเกือบ 500 ปี เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวยุโรปจากบทละครแฮมเล็ต วรรณกรรมชิ้นเอกของวิลเลียม เชคสเปียร์ ปราสาทโครนบอร์กเป็นผลงานชิ้นสำคัญของปราสาทในสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ ทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2000

ได้เวลานำท่านสู่ถนนสตรอยเกต (Strøget) แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกนและอยู่ใจกลางเมือง เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในโลกที่มีความคับคั่งของร้านค้า ตั้งแต่สินค้าราคาถูกและสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ถนนคนเดินนี้มีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตรที่ยื่นจากศาลาว่าการเมืองไปยังถนน Kongens Nytorv Strøget จึงถูกตั้งเป็นชื่อเล่นของถนนคนเดินดังกล่าวตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาและครอบคลุม ถนน 4 สายด้วยกันคือ Frederiksberggade, Nygade, Vimmelskaftet และ Østergade อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าตามอัธยาศัย
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
ที่พัก Scandic CPH Strandpark Hotel**** หรือเทียบเท่า
วันที่ 13โคเปนเฮเก้น 
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านชมกรุงโคเปนเฮเก้น เมืองหลวงของเดนมาร์ก อีกเมืองสวยแห่งประเทศในกลุ่มนอร์ดิก โคเปนเฮเกนเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองชายฝั่งทะเลที่ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะซีแลนด์ เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองที่มีความโรแมนติกและมีกลิ่นอายของเทพนิยายรักและนิทานปรัมปรามากมาย

นำท่านชม เงือกน้อย หรือ ลิตเติ้ลเมอร์เมด (Little mermaid)    รูปปั้นทองแดงของเจ้าหญิงเงือกน้อยบนโขดหิน ตัวละครที่มาจากนิทานอันโด่งดังของนักประพันธ์ชาวเดนิช ฮันส์ คริสเตียน  แอนเดอร์สัน รูปปั้นเงือกน้อยนี้เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นผลงานของ Edv. Eiriksen สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงจินตนาการของแอนเดอร์สัน และเป็นนิทานอีกเรื่องที่หลายๆท่านคงเคยได้ฟัง แม้กระทั่งดิสนีย์ยังเคยนำเรื่องนี้มาทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน

จากนั้นนำท่านชม น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน (The Gefion Fountain) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 ชื่อ Gefion นี้คือชื่อของเทพเจ้าในตำนานของชาวสแกนดิเนเวียน ได้เวลานำท่านแวะชมภายนอกพระราชวังอมาเรียนบอร์ก (Amalienborg) เป็นพระราชวังที่พระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งราชวงศ์เดนมาร์กประทับอยู่ และเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์กมาตั้งแต่ค.ศ. 1794 เป็นสถาปัตยกรรมแบบร็อคโคโค บริเวณกลางลานมีพระรูปทรงม้าของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 4 นอกจากนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 11.30 น. ทหารหลวงจะเดินสวนสนามจากพระราชวังโรเซ่นบอร์ก (Rosenborg) และเคลื่อนขบวนมาเปลี่ยนเวรเฝ้ายามที่หน้าพระราชวังอมาเรียนบอร์กในทุกวัน 
11.00 น.นำท่านเดินทางสู่ สนามบินโคเปนเฮเก้น เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund
14.25 น.ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบิน TG951 (บินตรง) ใช้เวลาบินประมาณ 10.35 ชั่วโมง สายการบินบริการ อาหารค่ำ และ อาหารเช้าระหว่างเที่ยวบิน
วันที่ 14กรุงเทพมหานคร
06.00 น.เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

เงื่อนไขในการจอง

  • สำหรับห้องพักแบบ 3 เตียง มีบริการเฉพาะบางโรงแรมเท่านั้น กรณีเดินทางเป็นผู้ใหญ่ 3 ท่าน แนะนำให้ท่าน เปิดห้องพัก เป็น 2 ห้องจะสะดวกกับท่านมากกว่า
  • กรณีเดินทางเป็นตั๋วกรุ๊ป หากออกตั๋วแล้ว ไม่สามารถขอคืนเงินได้ และไม่สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้
  • กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลด ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 กก. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Hand carry) น้ำหนักไม่เกิน 7 กก. 
  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นนักท่องเที่ยวโดยสายการบิน TG/AY/DY/SK  (กระเป๋าเดินทางน้ำหนัก ไม่เกิน 23 กก./ท่าน)
  • ค่าภาษีสนามบิน, ภาษีน้ำมัน, ค่าประกันภัยทางอากาศ 
  • ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุวงเงิน 1,500,000 บาท และ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาท
    ค่ารักษาพยาบาลหลังกลับจากต่างประเทศภายใน 21 วัน วงเงิน 40,000 บาท   (ประกันภัยไม่ครอบคลุมผู้ที่อายุเกิน 85 ปี)
  • ค่าที่พักตลอดการเดินทาง (พักห้องคู่)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ, ค่าพาหนะ หรือรถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่ตามระบุ
  • เจ้าหน้าที่ (ไกด์ไทย) คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง พร้อมค่าทิปต่างๆ
  • น้ำดื่มท่านละ  1 ขวดต่อท่านต่อวัน
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม ซึ่งท่านต้องดูแลกระเป๋าด้วยตัวเอง
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์-แฟกซ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
  • งวดที่ 1 : สำรองที่นั่งจ่าย 100,000 บาท/ท่าน ภายใน 3 วันหลังมีการยืนยันกรุ๊ปออกเดินทางแน่นอน
  • งวดที่ 2 : ชำระส่วนที่เหลือ 45 วัน ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง 
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 30 วันล่วงหน้าก่อนการเดินทางหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่นมัดจำตั๋วเครื่องบิน, วีซ่าและค่าดำเนินการ (ถ้ามี), ค่าโรงแรม, ค่าตั๋วรถไฟ โดยจะมีรายละเอียดแสดงให้แก่ลูกค้าได้รับทราบ (หมายเหตุ: ช่วง Peak season สายการบินให้มัดจำล่วงหน้า 2-3 เดือน ก่อนการเดินทาง)
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 15-29 วันก่อนการเดินทาง หักค่าทัวร์ 50% + ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 0-14 วันก่อนการเดินทาง ยึดค่าทัวร์ 100%
  • ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100% 

***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิก   วีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม***

*ในกรณีลูกค้าดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองและมาเที่ยวร่วมกับคณะ (Join Tour) ลูกค้าต้องดำเนินการมาพบคณะทัวร์ด้วยตัวเอง และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการมาพบคณะใหญ่ด้วยตัวเอง รวมถึงหากกรณีเที่ยวบินของคณะใหญ่เกิดความล่าช้าหรือยกเลิกเที่ยวบินอันด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 15 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนการเดินทาง 
  • บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการพาเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใดๆที่ปิดทำการ โดยจะจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อทดแทนเป็นลำดับแรก หรือคืนค่าเข้าชมแก่คณะผู้เดินทางแทน
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน  การนัดหยุดงาน  การประท้วง  ภัยธรรมชาติ  การก่อจลาจล  อุบัติเหตุ  ปัญหาการจราจร ปัญหาการเสริฟ์ช้าของร้านอาหาร หรือ เหตุใดๆที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัท ฯลฯ   ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุด และหากหัวหน้าทัวร์ไม่ได้ดำเนินการทำทัวร์ตามโปรแกรม ท่านต้องแย้งและเรียกร้องสิทธิ์ในรายการนั้น หากท่านไม่มีการแย้งใดๆ ถือว่าท่านยอมรับการทำทัวร์ดังกล่าว
  • เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ  ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นท่านได้ทำการตกลง หรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทาง
  • บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฏิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว  หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าเมือง เนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมือง 
  • ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ  บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น
  • การจัดที่นั่งบนเครื่องบินของสายบการบิน ขณะนี้สายการบินมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดที่นั่ง (Assign seat) ทุกที่นั่ง สนนราคา 2,000 – 4,000 บาทต่อเที่ยวบิน หากท่านไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ ต้องทำการขอที่นั่ง ณ เคาน์เตอร์เชคอินที่สนามบินเท่านั้น แต่หากท่านต้องการจัดที่นั่งและชำระค่าใช้จ่ายตรงนี้ สามารถแจ้งกับทางบริษัทฯ หลังทำการออกตั๋วเครื่องบินแบบหมู่คณะไปแล้วเท่านั้น
  • ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทาง ถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น)
  • ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง แน่นอน หากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงาน แล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น
  • ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง (TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรม ซึ่งมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการ หรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้
  • โรงแรมหลายแห่งในยุโรป จะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
  • ในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ ( TRADE FAIR ) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
  • กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาด
  • วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตรการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO )
  • หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบิน จะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุ วันเดินทาง เที่ยวบิน จึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด
  • สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20-30 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฏิเสธได้ หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด
  • สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีสัดส่วนไม่เกิน 7.5 x 13.5 x 21.5 สำหรับหน่วยวัด “นิ้ว” (Inch) หรือ 19 x 35 x 55 สำหรับหน่วยวัด “เซนติเมตร” (Centimeter)
  • ในบางรายการทัวร์ ที่ต้องบินด้วยสายการบินภายในประเทศ น้ำหนักของกระเป๋าอาจจะถูกกำหนดให้ต่ำกว่ามาตรฐานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับภาระ ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในน้ำหนักส่วนที่เกิน
  • กระเป๋าและสัมภาระที่มีล้อเลื่อนและมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับการเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน (Hand carry)
  • ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่
  • กรณีกระเป๋าใบใหญ่เกิดการสูญหายระหว่างการท่องเที่ยว (ระหว่างทัวร์ ไม่ใช่ระหว่างบิน) โดยปกติประกันภัยการเดินทางที่บริษัททัวร์ได้จัดทำให้ลูกค้าจะไม่ครอบคลุมค่าชดเชยในกรณีกระเป๋าใบใหญ่สูญหาย 
  • กรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน
(การเตรียมเอกสาร กรุณาอ่านให้เข้าใจ และเตรียมให้ครบ)
1. หนังสือเดินทาง อายุใช้งานได้ เกิน 6 เดือนขึ้นไป และ มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 แผ่น
2. รูปถ่ายสีหน้าตรง ขนาด 3.5 x 4.5 มม. 2 รูป พื้นฉากหลังรูปต้องเป็นพื้นสีขาว (อย่าถ่ายเอง เพราะพื้นเป็นสีเทา ใช้ไม่ได้) ห้ามสวมแว่นสายตา (รูปถ่ายต้องถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน...สถานทูตมีการเทียบรูปกับหน้าวีซ่าที่เคยได้) 
***ความสูงหน้าผากจนถึงคาง ต้องมีขนาดระหว่าง 32-36 มม.เท่านั้น***
3. สำเนาบัตรประชาชน 
4. สำเนาทะเบียนบ้าน (กรุณาถ่ายหน้าแรกที่มีรายละเอียดบ้านเลขที่มาด้วย)
5. สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีผู้หญิง.....หากมีการเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น ...นาง... ต้องแนบมา)
6. สำเนาทะเบียนหย่า (กรณีผู้หญิง.....ถ้าหย่าและหากมีการใช้คำนำหน้าเป็น ....นาง...ต้องแนบมา)
7. สูติบัตร (กรณีเด็กต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ต้องแนบสูติบัตรมา) 
8. กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์: (หากเด็กไม่ได้เดินทางพร้อม พ่อและแม่) ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติมดังนี้ 
- เด็ก เดินทางกับบุคคลอื่น บิดาและมารดาต้องทำหนังสือแสดงความยินยอม ซึ่งออกให้โดยที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้น และให้ระบุว่า ยินยอมให้เด็กเดินทางกับใคร (ระบุชื่อ) มีความสัมพันธ์อย่างไรกับครอบครัว
- เด็ก เดินทางกับบิดา มารดาต้องทำหนังสือแสดงความยินยอมซึ่งออกให้โดยที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้นและให้ระบุว่า มารดายินยอมให้เด็กเดินทางกับบิดา (ระบุชื่อบิดา) 
- เด็ก เดินทางกับมารดา บิดาต้องทำหนังสือแสดงความยินยอมซึ่งออกให้โดยที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้นและให้ระบุว่า บิดายินยอมให้เด็กเดินทางกับมารดา (ระบุชื่อมารดา)  
9. หลักฐานการทำงาน (จดหมายรับรองการทำงาน) ทำเป็นภาษาอังกฤษ
จดหมายรับรองการทำงานให้ระบุ  TO WHOM IT MAY CONCERN (ไม่ต้องระบุสถานทูตและประเทศ)
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของกิจการ : ใช้หนังสือจดทะเบียนบริษัทฯ ที่มีรายชื่อผู้ประกอบกิจการ (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของร้านค้า : ใช้ทะเบียนพาณิชย์ที่มีชื่อผู้เป็นเจ้าของร้านค้า
- กรณีพนักงานบริษัท : ใช้จดหมายรับรองการทำงานจากนายจ้าง ระบุตำแหน่ง ระยะเวลาการว่าจ้าง เงินเดือน 
- กรณีที่เป็นข้าราชการ : ใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงาน 
- กรณีเกษียณอายุราชการ: ถ่ายสำเนาบัตรข้าราชการบำนาญ
- กรณีเป็นนักเรียนนักศึกษา ต้องมีหนังสือรับรองจากสถาบันศึกษา นั้นว่ากำลังศึกษาอยู่ ระบุชั้นปีที่ศึกษา 
10. หลักฐานการเงิน :  (กรุณาเตรียมให้ถูกต้อง ใช้ทั้ง Bank guarantee และ สำเนาบัญชี เล่มเดียวกัน)
- หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee) ของบัญชีออมทรัพย์ (Saving account) ออกโดยธนาคาร ระบุชื่อเจ้าของบัญชีให้ครบถ้วน มีอายุไม่เกิน 15 วันนับจากวันที่จะยื่นวีซ่า
- สำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน นับขึ้นไปจากเดือนที่จะยื่นวีซ่า มียอดเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อการรับรอง 1 ท่าน และยอดแสดงในบัญชีต้องไม่ก้าวข้ามเดือน (ปรับสมุดและสำเนา 15 วันก่อนยื่นวีซ่า)

************* ข้อ 1 และ ข้อ 2 ต้องเป็นสมุดบัญชีออมทรัพย์เล่มเดียวกันเท่านั้น **************

หมายเหตุ : หากสมุดบัญชีแสดงยอดรวมที่มีการกระโดดข้ามเดือน (ยอดไม่ต่อเนื่อง) เช่นจากเดือน 1 ข้ามไปเป็นยอดของ เดือน 3 (เดือน 2 ไม่มี) ท่านต้องไปขอ Bank statement จากทางธนาคารแทนการถ่ายสำเนาสมุดบัญชี

- บัญชีฝากประจำ (Fixed) สามารถแนบประกอบได้ แต่ท่านต้องแนบบัญชีออมทรัพย์ (Saving) มาด้วย
หากต้องการใช้บัญชีฝากประจำ ต้องเตรียมดังนี้
- หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee) ของบัญชีฝากประจำ (Fixed account) ออกโดยธนาคาร ระบุชื่อเจ้าของบัญชีให้ครบถ้วน มีอายุไม่เกิน 20 วันนับจากวันที่จะยื่นวีซ่า
- สำเนาสมุดบัญชีฝากประจำ มียอดเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อการรับรอง 1 ท่าน 

หมายเหตุ หากต้องการรับรองการเงินให้คนภายในครอบครัว ต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- หนังสือรับรองทางการเงิน (Bank Guarantee) ต้องระบุชื่อเจ้าของบัญชี รับรองค่าใช้จ่ายให้ใคร (ต้องระบุชื่อผู้ถูกรับรองในจดหมายด้วย) 
- กรุณาแนบสูติบัตร, ทะเบียนบ้าน, ทะเบียนสมรส หรือหลักฐาน เพื่อแสดงสถานะ และความสัมพันธ์ว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
กรณีนายจ้างรับรองค่าใช้จ่ายให้ลูกจ้าง
- จดหมายรับรองจากนายจ้างระบุว่าเป็นผู้รับรองค่าใช้จ่าย พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
- หนังสือรับรองเงินฝาก ดังข้อ 11.1 และ 11.2 
 
 (สถานทูตไม่รับพิจารณาบัญชีกระแสรายวันในทุกกรณี ไม่ต้องแนบมา)

Address

67/78 Soi Happy Land Center 1, Khlong Chan, Bang Kapi, Bangkok 10240

จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.

Contact Us

Hotline : ทัวร์ต่างประเทศ 081-873-6566
Hotline : ทัวร์ในประเทศ 061-519-6494

Social Network

Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel

 

Add line DoubleEnjoy