โปรแกรมทัวร์ยุโรป อันซีนอิตาลี เหนือจรดใต้
เส้นทางโรแมนติก เมืองเล็ก ๆ สวยติดอันดับอันซีนแห่งประเทศอิตาลี
มิลาน | เบอร์กาโม | โมเดนา | ราเวนนา | สาธารณรัฐซานมารีโน | อาเรสโซ | เซียนา | ปีติญาโน โซราโน | อัสซีซี | เปรูเกีย | สเปลโล | เพสการา | กาแซร์ตา | ช้อปปิ้งเอาท์เลต | เนเปิลส์ | คาปรี ถ้ำบลูกรอตโต | โรม | ฟลอเร้นซ์ | ปิซ่า | ลาสเปเซีย | หมู่บ้านมรดกโลก ชิงเกว่ แตร์เร่
รหัสทัวร์ | วันที่เดินทาง | เดินทางโดย | ราคา | สถานะ |
---|---|---|---|---|
DE861-002 | 14-26 พ.ย. 67 | Thai Airways (TG) | 169,900 | จองด่วน |
DE861-003 | 28 ธ.ค. 67-09 ม.ค. 68 | Thai Airways (TG) | 169,900 | จองด่วน |
DE861-004 | 30 ม.ค.-11 ก.พ. 68 | Thai Airways (TG) | 169,900 | จองด่วน |
DE861-005 | 13-25 ก.พ. 68 | Thai Airways (TG) | 169,900 | จองด่วน |
วันที่ 1 | กรุงเทพฯ |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
21.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
วันที่ 2 | มิลาน – เบอร์กาโม – มานโตวา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
00.40 น. | ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่สนามบินมัลเพนซา (MXP) บริการอาหารกลางวันบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 11.55 ชั่วโมง) |
07.35 น. | เดินทางถึงสนามบินมัลเพนซา เมืองมิลาน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่เมืองเบอร์กาโม (Bergamo) (ระยะทาง 50 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของแคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardy) ซึ่งในอดีตเคยเป็นถิ่นฐานของชนเผ่าเซลติกส์ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในเมืองของอิตาลีเพียงไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากภัยพินาศครั้งใหญ่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นำท่านชม จัตุรัสเวคเคีย (Piazza Vecchia) ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่า ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกลุ่มอาคาร สถาปัตยกรรมยุคกลางอันมีเสน่ห์ นำท่านเข้าชมวิหารซานตามาเรีย (Santa Maria Maggiore) วิหารยุคกลางศตวรรษที่ 11 ศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง ซึ่งสร้างเคียงคู่กับ วิหารคอลเลโอนี (Cappella Del Colleoni) ซึ่งโดดเด่นด้วยหอโดมแต่งแต้มไปด้วยหินอ่อนหลากสีสัน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับประตูเมืองเบอร์กาโม (Bergamo City Gate) อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความสวยงามของเมืองเบอร์กาโม |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองมานโตวา (Mantova) หรือ เมืองมานตัว (ระยะทาง 143 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ช.ม.) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลี โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) สำหรับตัวเมืองมานตัวนั้นส่วนใหญ่มักถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้ง 3 ด้าน โดยทะเลสาบนั้นเป็นทะเลสาบเทียมที่มีการขุดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 และต่อมาเมืองมานตัวก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2008 นำท่านเข้าชมพระราชวังหลวงดูคาเล (Palazzo Ducale) เป็นกลุ่มอาคารที่มีชื่อเสียงของเมืองมานตัว ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 - 17 โดยในอดีตกลุ่มอาคารเหล่านี้เคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลกอนซากา (Gonzaga Family) ซึ่งภายในประกอบไปด้วยอาคารที่สลับซับซ้อน ซึ่งได้แก่ ปราสาท San Giorgio , โบสถ์ Santa Barbara และอื่นๆ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ วิหารมานตัว (Mantua Cathedral) อีกหนึ่งวิหารเก่าแก่ที่ในอดีตถูกสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก แต่ปัจจุบันได้มีการสร้างใหม่ใน แบบบาร็อค ส่วนหอระฆังยังคงเป็นแบบโกธิคเช่นเดิม ได้เวลานำท่านแวะถ่ายรูปกับปาลาซโซ เดล เล (Palazzo Del Te) เป็นพระราชวังในเขตชานเมืองมานตัว เป็นอีกหนึ่งอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1524-1534 โดยสถาปนิกชื่อ Giulio Romano |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
พักที่ | Grand Hotel San Lorenzo / Best Western Hotel Cristallo **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | โมเดนา – ราเวนนา – สาธารณรัฐซานมารีโน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองโมเดนา (Modena) (ระยะทาง 95 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) เมืองโมเดนาเป็นหนึ่งในเมืองที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองคือ มหาวิหารโมเดนา (Modena Cathedral) เป็นหนึ่งในอาคารแบบโรมันที่สำคัญที่สุดในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 มหาวิหารแห่งนี้เป็นมหาวิหารอันยิ่งใหญ่จากยุคคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของศิลปะโรมาเนสก์ยุคต้น จากนั้นนำท่านชมแกรนด์เปียซซ่า (Piazza Grande) จัตุรัสใจกลางเมือง จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ อาคารศาลากลาง (Town Hall) สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 - 18 ตกแต่งด้วยหอนาฬิกา และระเบียงที่สวยงาม ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองราเวนนา (Ravenna) (ระยะทาง 120 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชั่วโมง) ซึ่งอดีตเป็นเมืองหลักของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และอาณาจักรออสโตรกอท (Ostrogoth Kingdom) แต่ปัจจุบันได้กลายเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของมหาวิหารกระเบื้องโมเสก รวมไปถึงบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ในแบบเมืองเล็กๆของอิตาลีได้เป็นอย่างดี เนื่องเมืองราเวนนา เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่ค่อนข้างเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งคริสต์ศาสนาและเป็นศาสนสถานของศาสนาคริสต์สมัยคริสเตียนยุคแรก ที่ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 8 แห่ง ในปี 1996 นำท่านเข้าชมหอศีลจุ่มเนโอเนียน เป็นหนึ่งในคริสต์ศาสนสถานของโรมันคาทอลิกที่เก่าที่สุดแห่งหนึ่งใน ราเวนนาที่ก่อสร้างบนที่เดิมที่เป็นโรงอาบน้ำโรมัน (Roman bath) บางครั้งก็เรียกว่า “หอศีลจุ่มออร์โธดอกซ์ ” หอศีลจุ่มเนโอเนียนนี้สร้างโดยสังฆราชเออร์ซัสในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 ให้เป็นส่วนหนึ่งของบาซิลิกาใหญ่ที่ถูกทำลายไปในปี ค.ศ. 1734 หอสร้างเสร็จโดยบาทหลวงเนออนในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 5 เมื่อมีการเริ่มตกแต่งด้วยโมเสก นำท่านเข้าชมความสวยงามของกระเบื้องโมเสก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่รัฐอิสระซานมารีโน (San Marino) (ระยะทาง 82 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ช.ม.) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐซานมารีโน และอีกชื่อหนึ่งคือ "สาธารณรัฐอันสงบสุขยิ่งซานมารีโน" เป็นประเทศในยุโรปใต้บนเทือกเขาแอเพนไนน์ ล้อมรอบโดยประเทศอิตาลี เป็นหนึ่งในจุลรัฐยุโรป นำท่านเยือน Palazzo Pubblico ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างในแบบสถาปัตยกรรมโกธิก ซึ่งมีความสวยงามมาก ที่เป็นจุดเด่นของศาลาว่าการแห่งนี้ก็คือ หอระฆัง ซึ่งมีการติดตั้งนาฬิกาเอาไว้ด้วย จากนั้นเดินไปตามย่าน Avenue ที่นี่เป็นถนนสายหลักที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ชมอาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่อาคารสำนักงานที่สร้างขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความน่ารักสวยงามของเมืองซานมารีโน ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาไททาโน (Mt. Titano) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
พักที่ | Best Western Palace Hotel Sanmarino**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | ซานมารีโน – อาเรสโซ – มอนเตริกจิโอนี – เซียนา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองอาเรสโซ (Arezzo) (ระยะทาง 90 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม.) เมืองหน้าด่านยุคกลางอันรุ่งเรืองด้วยศิลปะเรเนอซองส์ นำท่านเยือนจัตุรัสใจกลางเมืองหรือเปียซซ่าแกรนด์เด (Piazza Grande) บริเวณโดยรอบจัตุรัสล้อมรอบไปด้วยหมู่อาคารสวยงามมากมายไม่ว่าจะเป็น พระราชวังเก่า อาคารสำนักงานของรัฐที่ยังคงความสวยงามของศิลปะเรอเนซองซ์ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Duomo San Donato ซึ่งเป็นโบสถ์อายุกว่า 700 ปี สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 ได้เวลานำท่านเที่ยวชมความสวยงามของย่านเมืองเก่าแห่งอาเรสโซ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นอีกเมืองสวยที่หลบซ่อนในอิตาลี อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเล่นตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้านมอนเตริกจิโอนี (Monteriggioni) (ระยะทาง 105 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชม.) อีกหนึ่งเมืองสวยแห่งแคว้นทัสกานี หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ยุคกลางที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 โดยมีการสร้างกำแพงล้อมรอบเมืองและกำแพงโบราณแห่งนี้ก็ยังคงความสมบูรณ์มาถึงปัจจุบัน นำท่านเดินเล่นชมสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์อย่างดียิ่ง จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสเปียซซ่า เดอ โรมา (Piazza Di Roma) จัตุรัสใจกลางเมือง และแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ซันตา มาเรีย อซันตา (Santa Maria Assunta Church) อันเป็นโบสถ์ประจำเมืองเก่าแห่งนี้ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและดื่มด่ำกับความสวยงามของเมืองโบราณอีกแห่งของแคว้นทัสกานี ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเซียนา (Siena) (ระยะทาง 20 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เมืองยุคกลางที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของเมืองฟลอเรนท์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกเมืองของประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองเก่าของเมืองเซียนาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์เมืองเซียนายังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (Unesco) เมื่อปี ค.ศ. 1995 นำท่านชมความงดงามของ มหาวิหารเซียนา (Siena Cathedral) หรือ ดูโอโมดิเซียนา (Duomo di Siena) เป็น มหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1215 -1263 โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิก และสถาปัตยกรรมเรอเนซองซ์ จากนั้นนำท่านชม เปียซซ่า เดล คัมโป (Piazza Del Campo) พื้นที่จัตุรัสหลักที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองเซียนา อีกทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสยุคกลางที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงในเรื่องความงามและความสมบูรณ์ของงานสถาปัตยกรรมไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนหลายแห่ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
พักที่ | Executive Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | เซียนา – ปิติญาโน – โซราโน– เปรูเกีย |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองปีติญาโน (Pitigliano) (ระยะทาง 114 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เป็นอีกหนึ่งเมืองสวยแห่งแคว้นทัสกานี และเป็นเมืองโบราณยุคกลางที่ได้รับการขนานนามวา “เยรูซาเลมน้อย” ตั้งอยู่บนสันเขาทูฟา (Tufa Hill) เป็นย่านเมืองของชาวยิวที่อพยพมาสร้างถิ่นฐานประมาณช่วงศตวรรษที่ 16 นำท่านแวะถ่ายรูป ณ จุดชมวิวที่สามารถถ่ายภาพเมืองโบราณที่สร้างบนหน้าผาเล็กๆแห่งสันเขาทูฟา จากนั้นนำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่า ไม่ว่าจะเป็น Piazza Pietrucciolo และ Piazza Garibaldi อิสระให้ท่านได้เก็บภาพเมืองโบราณยุคกลางอันแปลกตาอีกแห่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในสันเขาแห่งประเทศอิตาลี ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองโซราโน (Sorano) เป็นเมืองและชุมชนในจังหวัดกรอสเซโต ทางตอนใต้ของแคว้นทัสกานี เป็นเมืองเนินโบราณยุคกลางที่ห้อยลงมาจากหินปอยที่อยู่เหนือแม่น้ำเลนเต นับเป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่มีความสวยงามและติดอันดับเมืองเล็กที่น่ามาเยือน |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองเปรูเกีย (Perugia) (ระยะทาง 100 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองโบราณอีกแห่งของแคว้นอุมเบรีย นำท่านเดินเล่นบนถนน Corso Vannucci ชื่อของถนนนี้ได้ตั้งมาจากจิตรกรพื้นเมืองชื่อ Pietro Vannucci (Perugino) จากนั้นนำท่านชมจัตุรัส Piazza IV Novembre ตรงกลางลานมีน้ำพุ Fontana Maggiore ที่เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1275 โดย Nicola และ Giovanni Pisano จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับหมู่อาคารสวยงามกลางเมืองเช่น Palazzo Dei Priori เป็นพระราชวังที่สร้างในยุคกลางตอนท้าย (ระหว่างศตวรรษที่ 13-14) ความยิ่งใหญ่ของกำแพงและ การออกแบบที่มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ ทำให้วังนี้ดูน่าเกรงขาม อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความสวยงามของเมืองยุคกลางอีกแห่งของแคว้นอุมเบรีย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
พักที่ | Relais Dell Olmo Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | เปรูเกีย – อัสซีซี – อัสโกลีปีเชโน – เพสการา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 6 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองอัสซีซี (Assisi) (ระยะทาง 27 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเปรูเกีย แคว้นอุมเบรีย ทางตะวันตกของภูเขาซูบาซิโอ (Mt. Subasio) เมืองอัสซีซีเป็นเมืองเกิดของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะฟรังซิสกันในปี ค.ศ. 1208 และนักบุญกลาราแห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะกลาริส และนักบุญกาเบรียลแห่งแม่พระในคริสต์ศตวรรษที่ 19 นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปีค.ศ. 2000 มหาวิหารแห่งนี้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นมหาวิหารสามชั้น ส่วนล่างเริ่มสร้างไม่นานหลังจากที่ฟรังซิสแห่งอัสซีซี ได้รับการประกาศเป็นนักบุญเมื่อปีค.ศ. 1228 - 1253 ส่วนจิตรกรรมฝาผนังโดย ชิมาบูเอ (Cimabue) และ จอตโต ดี บอนโดเน ซึ่งจิตรกรผู้มีชื่อเสียง ชั้นบนมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นประวัติของฟรังซิสแห่งอัสซีซีโดยจอตโต ดี บอนโดเนนำท่านชมความสวยงามของมหาวิหารแห่งนี้ นำท่านเที่ยวชมเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งมีอาคารบ้านเรือนอายุกว่าร้อยปีสร้างลดหลั่นบนเนินเขา อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของหมู่อาคารยุคโบราณได้ตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองอัสโกลีปีเชโน (Ascoli Piceno) (ระยะทาง 127 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชมเมืองอัสโกลีปีเชโน ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นมาร์เก (Marche) เป็นเมืองที่ตั้งมานานมากก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะมาค้นพบ คาดว่าเมืองนี้ได้มีการก่อสร้างเมืองขึ้นตั้งแต่ปี 268 ก่อนคริสตกาล นำท่านชมความเก่าแก่ของเมืองอัสโกลีปีเชโน นำท่านเยือนจัตุรัส Piazza Del Popolo และ Piazza Aringo ซึ่งเป็นจัตุรัสที่มีหมู่อาคารบ้านเรือนโบราณและ เป็นที่ทำการของหน่วยงานรัฐบาลในปัจจุบัน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเพสการา (Pescara) (ระยะทาง 92 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเพสการาในแคว้นอะบรูโซประเทศอิตาลี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
พักที่ | Best Western Plaza Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | เพสการา – กาแซร์ตา – ช้อปปิ้งเอาท์เลต – เนเปิ้ล |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 7 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองกาแซร์ตา (Caserta) (ระยะทาง 266 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง) เมืองหลวงแห่งจังหวัดกาแซร์ตา แห่งแว้นคัมปาเนียของอิตาลี นำท่านเข้าชมพระราชวังกาแซร์ตา (Palace of Caserta) เป็นอดีตพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์แห่งเนเปิลส์แห่งราชวงศ์บูร์บง ที่ตั้งอยู่ที่เมืองกาแซร์ตาในประเทศอิตาลี พระราชวังกาแซร์ตาเป็นหนึ่งในพระราชวังแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 18 พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ในฐานะที่เป็นงานชิ้นเลิศของยุคบาโรก การก่อสร้างพระราชวังกาแซร์ตาเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1752 โดยพระเจ้าชาลส์ที่ 7 แห่งเนเปิลส์ ผู้ทรงทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาปนิกลุยจี วันวีเตลลี เมื่อทอดพระเนตรเห็นแบบจำลองสำหรับพระราชวัง พระเจ้าชาลส์ก็ทรงพอพระทัยมาก แต่พระองค์ก็มิได้มีโอกาสที่จะได้บรรทมในพระราชวังแม้แต่เพียงคืนเดียว พระเจ้าชาลส์ทรงสละราชสมบัติในปี ค.ศ. 1759 เพื่อไปเป็นพระมหากษัตริย์สเปน การก่อสร้างดำเนินต่อมาโดยพระราชโอรสองค์ที่สามและผู้ครองเนเปิลส์ต่อมาคือพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 4 แห่งเนเปิลส์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ La Reggia Designer Outlet ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองกาแซร์ตา สถานที่รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากหลากหลายเมือง และจากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับแถวหน้าของอิตาลี มีร้านค้าแฟชั่นและสินค้าต่างๆกว่า 180 ร้าน ทั้ง Versace, Dolce & Gabbana, Prada, Roberto Cavalli, Bulgari, Trussardi, Calvin Klein, Guess, Etro, Nike, Mariella Burani, Swarovski และอื่นๆอีกมากมาย โดยสินค้าแฟชั่นจะลดราคาตั้งแต่ 30% - 70% ตลอดปี อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเนเปิลส์ (Naples) (ระยะทาง 26 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) หรือที่นิยมเรียกเป็นภาษาอิตาลีว่า เมืองนาโปลี (Napoli) คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหาร ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดเนเปิลส์ (Province of Naples) และแคว้นกัมปาเนีย (Campania) แคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศอิตาลีนั่นเองเมืองเนเปิลส์ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของอิตาลีติดกับอ่าวเนเปิลส์ (Naples Bay) กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ภูเขาไฟสองแห่ง คือ ภูเขาไฟวิสุเวียส และกัมปีเฟลเกรย์ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลี มาตลอด 2,800 ปีนับแต่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เมืองเนเปิลส์จึงถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยเฉพาะบริเวณใจกลางของเมืองเนเปิลยังเป็นศูนย์กลางเมืองทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (Unesco) ให้เป็นเมืองมรดกโลก ในปี ค.ศ.1995 นำท่านชมและถ่ายรูปกับจัตุรัสเพิลบิสซิโต (Piazza Del Plebiscito) หนึ่งในจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง เนเปิลส์ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับบริเวณอ่าว ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าอาคารสถานที่ที่มีความสำคัญของเมือง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
พักที่ | Holiday Inn Naples Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | เนเปิล – คาปรี – บลูกรอตโต - โรม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 8 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เกาะคาปรี (Capri) โดยนั่งเรือ สู่เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในอ่าวเนเปิลส์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอิตาลี มีพื้นที่เพียง 11 ตารางกิโลเมตร สภาพโดยทั่วไปของเกาะ เป็นหินปูนก้อนใหญ่ก้อนเดียวมีความยาว 6.25 กม. และกว้าง 3 กม. อยู่ห่างจากชายฝั่ง ประมาณ 5 กม. เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของแหลมซอร์เรนโต้ แล้วหลุดออกมากลายเป็นเกาะ จากผลของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในอดีต เกาะคาปรีเคยถูกใช้เป็นสถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ จนกระทั่งมีการส่งผ่านอำนาจปกครองมาหลายยุคหลายสมัย และได้กลับมาอยู่ในฐานะสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของชนชั้นสูง และผู้มีชื่อเสียงหลายคน ต่างมาจับจองวิลล่าส่วนตัว สำหรับการพักผ่อน นำท่านเที่ยวชมความน่ารักและความงามของเมืองบนเกาะคาปรี อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย จากนั้นนำคณะเปลี่ยนลงเรือเล็กเพื่อชมถ้ำบลูกรอตโต้ ที่มีความงดงามอย่างมากและมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก ถ้ำน้ำลอดที่มีการกระทบของแสงกับน้ำทะเลสีคราม ทำให้ภายในบริเวณถ้ำประกายไปด้วยแสงสีน้ำเงิน จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว (ทั้งนี้การเข้าชมภายในถ้ำขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละวัน) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านนั่งเรือกลับสู่ฝั่งที่เมืองเนเปิ้ลส์ (Naples) จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับปราสาทนูโอโว (Castel Nuovo) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1279-1282 โดยพระเจ้าการ์โลที่ 1 แห่งชิชิลี จากนั้นได้ถูกทำลายลง และได้บูรณะใหม่โดยพระเจ้าอัลฟองโซ ในศตวรรษที่ 15 เมื่อเมืองเนเปิ้ลถูกปกครองโดยประเทศสเปนปราสาทแห่งได้ถูกใช้เป็นป้อมปราการ แต่เมื่อในปี ค.ศ. 1734 สมัยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เข้ามาปกครองจึงเปลี่ยนเป็นปราสาทอีกครั้ง ตัวอาคารสร้างด้วยหินทราย และตัวปราสาทมีซุ้มประตูทรงกลมสูงตระหง่านโดดเด่น สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่กรุงโรม (Rome) (ระยะทาง 226 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2.45 ชั่วโมง) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซิโอ ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โรมมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,800 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ดริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ตอนกลางของประเทศ โดยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรในอดีตมากมาย เช่น ราชอาณาจักรโรมัน สาธารณรัฐโรมัน และจักรวรรดิโรมัน โรมเคยเป็นเมืองที่มีบทบาทมากที่สุดของอารยธรรมตะวันตกและในอดีตเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันกรุงโรมคือเมืองหลวงของประเทศอิตาลีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1870 นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกอีกด้วย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
พักที่ | IH Roma Z3 Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | โรม – นครรัฐวาติกัน – พิพิธภัณฑ์วาติกัน - โคลอสเซียม – โรมันฟอรั่ม |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 9 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทาเข้างสู่นครรัฐวาติกัน (Vatican) รัฐอิสระที่เล็กที่สุดและเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นำท่านเข้าชม มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก รู้จักกันโดยชาวอิตาลีว่า Basilica di San Pietro in Vaticano หรือเรียกกันสั้นๆว่า เซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา (Saint Peter's Basilica) มหาวิหารนี้เป็น มหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี อีก 3 มหาวิหารคือ: มหาวิหารเซ็นต์จอห์นแลเตอร์รัน, มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร และ มหาวิหารเซ็นต์พอลนอกกำแพง อยู่ในนครรัฐวาติกัน เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมและเป็นที่ประทับของพระสันตปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกาย Roman Catholic State of the Vatican City ซึ่งนครรัฐวาติกันจัดว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก อันมีศูนย์กลางคือมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ จากนั้นนำท่านเข้าชม เฟียต้า (Pieta) รูปสลักหินอ่อน พระแม่มารีอุ้มพระเยซู โดยฝีมือของไมเคิลแองเจโล รูปหล่อบรอนซ์ของนักบุญปีเตอร์ ศาลาคาโนปี โดยแบร์นินิ และยอดโดมขนาดใหญ่ และชมแท่นบูชาบัลแดคคิโน (St. Peter’s Basilica) เป็นซุ้มสำริดที่สร้างโดยจานโลเรนโซ แบร์นินี ซึ่งสร้างตรงบริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ฝังพระศพนักบุญปีเตอร์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านถ่ายรูปโคลอสเซียม (Colosseum) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ได้รับการขนานนามว่าเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ ซึ่งเริ่มสร้างขึ้นใน สมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งโรมัน สร้างเสร็จในสมัยจักรพรรดิติตัส (Titus) จุคนได้กว่า 50,000 คน ให้ท่านได้เก็บภาพความยิ่งใหญ่ของโคลอสเซียมที่ชาวโรมันในสมัยก่อนได้สร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์นี้ขึ้น เพื่อใช้เป็นสนามกีฬาสำหรับการแข่งขันประลองของนักสู้ Gladiator ได้เวลานำท่านเข้าชมโรมันฟอรั่ม (Roman Forum) ตั้งอยู่ในใจกลางของกรุงโรมในเขตเมืองเก่าที่มีความสวยงามเเละเก่าเเก่อย่างมาก ซึ่งตกทอดมาตั้งเเต่สมัยอาณาจักรโรมัน โดยเป็นหนึ่งในเเหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญอย่างมากของอิตาลีเเละของโลกที่เเสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมเเละศิลปกรรมรวมทั้งสถาปัตยกรรมในเเบบโรมันขนานเเท้เลยทีเดียว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
พักที่ | IH Roma Z3 Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 10 | โรม – ฟลอเรนซ์ - ปิซ่า |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 10 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) หรือที่ชาวอิตาเลี่ยน อ่านออกเสียงว่า ฟิเรนเซ่ (Firenze) (ระยะทาง 274กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) เมืองหลวงของแคว้นทอสกานา (Toscana) เป็นจุดกำเนิดของยุคเรเนซองส์ ศิลปินยุคนี้ย้อนกลับไปค้นหาความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของชาวกรีกและโรมันที่สูญหายไปนับพันปีในช่วงยุคกลาง แล้วนำกลับมาฟื้นฟูพัฒนางานสร้างอีกครั้งหนึ่ง ได้มีการใช้หลักคณิตศาสตร์มาช่วยคำนวณเพื่อการออกแบบด้านทัศนียภาพ ในอดีตฟลอเรนซ์เคยเป็นเมืองหลวงของอิตาลี และเป็นถิ่นกำเนิดของศิลปินระดับโลกอย่าง ลีโอนาร์โด ดาร์วินซี และไมเคิล แองเจโล และ ในปี ค.ศ.1982 เมืองเก่าฟลอเรนซ์ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ซานตา มาเรีย เดลฟิโอเร (Basilica Di Santa Maria Del Fiore) โบสถ์ที่สร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟิลิปโป บรูเนลเลสกี ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู มหาวิหารแห่งนี้ใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของทวีปยุโรปรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ มหาวิหารเซนต์พอล และมหาวิหารมิลาน จากนั้นนำท่านชม จตุรัสไมเคิล แองเจโล เพื่อชมรูปปั้นจำลองของ "เดวิด" ที่โด่งดังในตำนาน อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองปิซ่า (Pisa) (ระยะทาง 88 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) เมืองบ้านเกิดของกาลิเลโอ นักดาราศาสตร์เอกของโลก เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซ่าในแคว้นทอสกาน่า เมืองนี้ที่เป็นที่รู้จักอย่างดีเกี่ยวกับหอเอนเมืองปิซ่า ซากโบราณวัตถุของเมืองที่ยังหลงเหลือจากศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล เมืองปิซ่าได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987 นำท่านถ่ายรูปกับ หอเอนเมืองปิซ่า (The Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ในจัตุรัสเดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว กาลิเลโอเคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซ่ายังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
พักที่ | Hotel AC Pisa **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 11 | ปิซ่า -ลา สเปเซีย – หมู่บ้านชิงเกว่ แตร์เร่ - มิลาน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 11 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองลา สเปเซีย เพื่อ นั่งรถไฟสู่ ชิงเกว่ แตร์เร (Cinque Terre) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี หมู่บ้านสีสันสดใส 5 หมู่บ้านที่เรียงรายกันอยู่ริมทะเลลิกูเรีย อดีตบริเวณนี้เคย เป็นชุมชนชาวประมงอาศัยการจับปลาและปลูกไร่องุ่นตามแนวชายเขา ด้วยเสน่ห์ของเมืองริมทะเลที่ คงความเป็นธรรมชาติจึงได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก หมู่บ้านทั้งห้า คือ MONTEROSSO AL MARE, VERNAZZA, CORNIGLIA, MANAROLA และ RIOMAGGIORE นําท่านชมความงามของหมู่บ้าน ริโอแมกจิโอเร (Riomaggiore) หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์และบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนสีสันสดใสตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีตัดกันกับนํ้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอยซ์ ทําให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่หากมีโอกาสต้องเข้ามาสัมผัส อิสระให้ท่านชมความงดงามและถ่ายรูปตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางกลับโดยรถไฟสู่เมืองลาสเปเซีย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (ระยะทาง 226 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ช.ม.) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงโรม มิลานได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสี่เมืองหลวงด้านแฟชั่นของโลก งานที่ใหญ่ที่สุดของแต่ละปีคือมิลานแฟชั่นวีค นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันวัฒนธรรม, สถาบันการศึกษา และมหาวิทยาลัยจำนวนมาก นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม (Duomo) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอับดับสอง รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในกรุงวาติกัน (เป็นมหาวิหารแบบโกธิกและใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรป) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1813 ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเรียกว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่างๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป บนยอดของมหาวิหารมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่า ด้านหน้าของมหาวิหารเป็นลานกว้าง เรียกว่า เปียซซ่า เดล ดูโอโม่ (Piazza Del Duomo) เป็นศูนย์กลางแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย ด้านข้างของจัตุรัสหน้าดูโอโม่ทางทิศเหนือ จะเห็นทางเข้า กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล ศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน อิสระให้ท่านถ่ายรูปและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมซึ่งมีจำหน่ายมากมายในบริเวณ กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
พักที่ | Crown Plaza Milan Mapensa Airport Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 12 | มิลาน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 12 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินมิลาน (MXP) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund |
14.05 น. | ออกเดินทางจากสนามบินมิลาน สู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินที่ TG941 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.50 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน |
วันที่ 13 | กรุงเทพมหานคร |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 13 | |
05.55 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 169,900 บาท |
เด็กอายุ 02-11 ขวบ 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่เสริมเตียง) ท่านละ | 159,900 บาท |
ราคาไม่รวมตั๋ว (ผู้ใหญ่) หักคืนท่านละ | 35,000 บาท |
กรณีมีวีซ่าแล้ว หักคืนท่านละ | 4,500 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 35,000 บาท |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 169,900 บาท |
เด็กอายุ 02-11 ขวบ 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่เสริมเตียง) ท่านละ | 159,900 บาท |
ราคาไม่รวมตั๋ว (ผู้ใหญ่) หักคืนท่านละ | 35,000 บาท |
กรณีมีวีซ่าแล้ว หักคืนท่านละ | 4,500 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 35,000 บาท |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 169,900 บาท |
เด็กอายุ 02-11 ขวบ 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่เสริมเตียง) ท่านละ | 159,900 บาท |
ราคาไม่รวมตั๋ว (ผู้ใหญ่) หักคืนท่านละ | 35,000 บาท |
กรณีมีวีซ่าแล้ว หักคืนท่านละ | 4,500 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 35,000 บาท |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2 ท่าน ราคาท่านละ | 169,900 บาท |
เด็กอายุ 02-11 ขวบ 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่เสริมเตียง) ท่านละ | 159,900 บาท |
ราคาไม่รวมตั๋ว (ผู้ใหญ่) หักคืนท่านละ | 35,000 บาท |
กรณีมีวีซ่าแล้ว หักคืนท่านละ | 4,500 บาท |
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ | 35,000 บาท |
ตั๋วเครื่องบิน
โรงแรมและห้อง
กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน
สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ
การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย
Address
53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel