ภูฏาน ... ดินแดนแห่งความสุข ในอ้อมกอดหิมาลัย
เยือนประเทศภูฏาน อาณาจักรเล็ก ๆ ในฉายา “มังกรแห่งสันติ”
ท่องไปในวัดวาอาราม ท้องทุ่งกว้าง และเทือกเขาหิมาลัยอันโด่งดัง
พร้อมๆ กับค้นพบความงดงามของภูฏานด้วยตัวคุณเอง
ชมระบำพื้นเมืองและระบำหน้ากาก
**ให้ทุกท่านได้แต่งกายประจำชาติภูฏาน เข้าร่วมงานโดยทางบริษัทฯจัดเตรียมให้***
วันที่ 1 :: | กรุงเทพฯ - พาโร - ทิมพู |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 :: | |
02.30 น. | คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางเข้าหมายเลข 10 สายการบิน Druk Air (KB)หรือ Bhutan Airlines (B3) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระต่างๆ แก่ท่าน กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน |
04.30 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองพาโร โดยสายการบิน Druk Air (KB) หรือ Bhutan Airlines (B3) เครื่องแวะจอดที่ ประเทศอินเดีย ประมาณ 40 นาที ผู้โดยสารที่จะไปพาโรไม่ต้องลงจากเครื่อง พระบรมฉายาลักษณ์ วันแรกของการเดินทางเข้าประเทศภูฎาน ขอนำเรียนทุกท่านการท่องเที่ยวในประเทศภูฐานโปรดแต่งกายสุภาพเพราะสถานที่ส่วนใหญ่เป็นเขตพระราชฐานและสถานที่สำคัญ ....วันแรกของเราจะนำพาคณะข้าชมพระราชวังทิมภู และอีกหนึ่งความประทับใจแรก..เมื่อเครื่องบินลงจอดเพียงเท้าสัมผัสถึงแผ่นดินภูฏานเสมือนท่านเป็นแขกจากต่างเมืองที่ได้การต้อนรับจากภาพพระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 5 พระองค์เลยทีเดียว |
08.10 น. | ถึง...สนามบินแห่งชาติ เมืองพาโร (Paro International Airport) ในเวลาท้องถิ่น หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระ เรียบร้อยแล้ว (เวลาที่ประเทศภูฏานช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นำท่านสู่ตัวเมืองพาโร ..“เมืองพาโร” (PARO) ...เปิดประตูมุ่งสู่ภูฏานดินแดนแห่งสวรรค์ เมืองพาโร (Paro) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่อยู่ทางตะวันตกของภูฏาน เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีความเก่าแก่ที่สุดของภูฏาน เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของภูฏาน เป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อาคารประวัติศาสตร์ ที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขาเขียวขจี และมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านจำนวน 3 สาย คือ แม่น้ำตอสา แม่น้ำวัง และแม่น้ำพูนาซอง ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงาม และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมาก... ท่านชม"พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติภูฏาน" (National Museum of Bhutan) (โปรดแต่งกายสุภาพ) ซึ่งตั้งอยู่ใน เมืองพาโร พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติภูฏาน ในอดีตเคยเป็นป้อมปราการ หรือ ตาซอง (Ta Dzong) แต่ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปีค.ศ.1968 มีทั้งหมด 6 ชั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวม เครื่องแต่งกาย อาวุธ เหรียญกษาปณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ไม้สอย สัตว์ป่าในแถบเทือกเขาหิมาลัย งานแสดงส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ชมภาพพระบฏ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีงานหัตถกรรมที่ใช้ประจำวัน เครื่องแต่งกาย ชุดเสื้อเกราะ สัตว์สต๊าฟและดวงตราไปรษณีย์ที่สวยงามมากมายหลายรูปแบบ นำท่านชมความงดงาม "รินปุง ซอง" (Rinpung Dzong) (โปรดแต่งกายสุภาพ) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า "พาโรซอง" (Paro Dzong) ซึ่งแปลว่า ป้อมปราการแห่งอัญมณี พาโรซอง (Paro Dzong) เป็นอาคารป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองพาโรเป็นอย่างมาก “พาโรซอง” ถูกสร้างขึ้นโดย ซับดรุง นัมเกล (Shabdrung Ngawang Namgyal) ในปี ค.ศ. 1644 และหลังจากนั้นก็ได้กลายเป็นที่ยอมรับในฐานะเป็นศูนย์กลางการบริหารและส่วนที่เป็นวัดซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษามากกว่า 200 รูป นอกจากนี้แล้ว พาโรซอง ยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Little Buddha ภาพยนตร์สารคดีอีกหนึ่งเรื่องที่ชาวพุทธต้องไม่พลาด |
12.30 น. | รับประทานอาหารกลางวันในภัตตาคารพื้นเมือง |
13.30 น. | นำท่านเดินทางสู่ เมืองทิมพู (THIMPHU) เมืองหลวงของ ภูฏาน (ระยะทาง 53 ก.ม. ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง) ระหว่างทางชมทัศนียภาพอันสวยงามของภูฏาน ตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูฏาน ตลอดสองข้างทาง..จนถึงเมืองหลวงทิมพู เมืองทิมพู โลกแห่งความเป็นจริงของภูฏาน ทิมพูเป็น... จึงเป็นศูนย์รวมของสถานที่สำคัญต่างๆ เป็นจุดรวมการค้าขาย มีโรงแรมชั้นนำ ห้างสรรพสินค้าเล็กๆ รวมถึงมีจำนวนประชากรและนักธุรกิจมากกว่าเมืองอื่นๆ ที่สำคัญคือ ทิมพู เป็นที่ประทับของของสมเด็จพระราชาธิบดี และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งภูฏาน เราสามารถมองเห็นพระราชวังของพระราชาธิบดีได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะว่าไปแล้วหากไกด์ไม่บอก เราก็คงไม่รู้ว่าเป็นพระราชวัง ด้วยมองดูเหมือนอาคารทั่วๆไป ไม่ได้มีความหรูหรา ยิ่งใหญ่ หรือแปลกไปจากอาคารอื่นๆในภูฏานเลย พระราชวังอยู่ใกล้ๆกับทิมพูซอง.. |
16.30 น. | ชม ทิมพูซอง (Thimphu Dzong) หรือ ตาชิโชซอง (Tashicho Dzong) (โปรดแต่งกายสุภาพ) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองหลวงทิมพู ซองแห่งนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากและใหญ่โต ปัจจุบันถูกใช้แยกเป็นส่วนต่างๆ เช่น สถานที่ทำงานของกษัตริย์ สถานที่พักในฤดูร้อนของสมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนสถานที่ทำการของรัฐบาล |
19.30 น. | รับประทานอาหารเย็น และพักผ่อนตามอัธยาศัย ณ โรงแรมในเมืองทิมพู |
ที่พัก | HOTEL RIVERVIEW, THIMPHU หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ 2 :: | ทิมพู - พูนาคา - ทิมพู |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 :: | |
07.00 น. | รับประทาน อาหารเช้า ณ โรงแรม |
08.00 น. | วันนี้นำท่านสู่ มณฑลพูนาคา (Punakha) เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของภูฏาน ห่างจากทิมพูไป 70 กม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ช.ม) มณฑลพูนาคา (Punakha) สถานที่สำคัญในเมืองนี้คือพูนาคาซอง เป็นซองแห่งที่สองที่สร้างขึ้นในภูฏานโดยซับดรุง นัมเกล เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดเชอรีมาจำพรรษาถึง 600 องค์ มีรูปจำลองของซับดรุง นัมเกล อยู่ในโบสถ์ลามะ เมืองพูนาคา อดีตราชธานีของภูฏาน (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1639 – 1955) สร้างและปกครองโดย ชับดรุง งาวัง นัมเกล (Shabdrung Ngawang Namgyal) พูนาคาจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่กลับมีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของภูฏาน เพราะที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงในช่วงฤดูหนาวมานานถึง 300 ปีท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล ดำริให้สร้างพูนาคาขึ้นในปี พ.ศ. 2180 โดยก่อนหน้านี้มีวัดที่ท่านงากี รินเซ็น ได้สร้างขึ้นไว้ก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.1871 ปัจจุบันจึงกลายเป็นป้อมเล็กและป้อมใหญ่หันหน้าเข้าหากัน ในอดีตท่านคุรุรินโปเชเคยเสด็จมาที่นี่ และพยากรณ์ไว้ว่า “บนขุนเขาด้านที่มีสัณฐานประดุจงวงช้าง บุรุษผู้มีนามว่า นัมเกล จะมาที่นี่”นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ประวัติศาตร์เกิดขึ้นที่นี่หลายครั้ง เช่นในปี 1907 ใช้เป็นสถานที่จัดราชาภิเษกกษัตริย์องค์แรกของภูฏาน คือ สมเด็จพระราชาธิบดีที่ 1 อูเก็น วังชุก (Ugyen Wangchuck) ในปี 1910 ใช้เป็นสถานที่ลงนามสนธิสัญญาพูนาคาระหว่างภูฏานกับอังกฤษ ว่าด้วยนโยบายต่างประเทศที่ภูฏานยอมรับการดำเนินนโยบายตามแนวทางอังกฤษ ในขณะที่อังกฤษต้องไม่ก้าวก่ายกิจการภายในของภูฏานเช่นกัน. ระหว่างทางสองข้าง วิวสวยมาก สามารถมองไปไกลสุดลูกหูลูกตาจนเห็นถึงแนวเทือกเขาหิมาลัย…ระหว่างทางแวะถ่ายภาพซิมโตคาซอง วิทยาลัยแห่งแรกในภูฏาน บนเส้นทางสู่เมืองวังดีโปดรังและปูนาคา จะเป็นทิวทัศน์ของภูเขาสูงสลับกับแม่น้ำลำธารใสสะอาด ริมทางอาจเห็นดอกกุหลาบพันปี (Rhododendron) การทำสวนแอปเปิ้ล (ตามฤดูกาล ระหว่างเดือน Jul-Sep) และกงล้อมนตราที่หมุนโดยใช้พลังน้ำ
นำท่านแวะชม ดอร์ชูลา พาส (Dorchula Pass)..ระดับความสูง 3,150 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ดอร์ชูลา พาส (Dorchula Pass) เป็นช่องเขาที่สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ในบางวันอาจเห็นทะเลหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไป ชมความงามของ เจดีย์ดรุกวังเยลลาคัง สถูปแห่งชัยชนะ ชม 108 สถูป อนุสรณ์สถานที่มีต่อกองกำลังกลุ่มหัวรุนแรงที่ยึดพื้นที่ทางภาคใต้ของภูฏาน ตั้งอยู่บนระดับความสูง 3,150 เมตร จากระดับน้ำทะเล พร้อมดื่มด่ำธรรมชาติทิวทัศน์ของภูเขาหิมาลัยด้านตะวันตกอันตระการตา และยอดเขาต่างๆเรียงรายกัน รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างจูโมฮารี ซึ่งมีความสูงถึง 7,328 เมตร จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองพูนาคา |
12.00 น. | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง (พูนาคา) ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาและสายน้ำ ลำธาร...เดินเท้าผ่าน หมู่บ้านโลเบซ่า(Lobesa)ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ตกแต่งผนังอาคารบ้านเรือน้ำด้วยรูปอวัยวะเพศชายตามความเชื่อเรื่องสิริมงคลแห่งการป้องกันสิ่งชั่วร้ายและพลังของการให้กำเนิดชีวิต เพลิดเพลินชมท้องทุ่งนากลางหุบเขา |
13.30 น. | นำท่านชม ป้อมปราการแห่งพูนาคา (Punakha Dzong) ป้อมปราการประจำเมืองพูนาคา สร้างขึ้นในปี 1637 โดยฉับดรุง งาวังนัมเกล ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น พระราชวังแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่ “Palace of Great Happiness” ป้อมปราการแห่งพูนาคา (Punakha Dzong) เป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน เป็นป้อมที่สร้างเป็นอันดับสองของภูฏาน ในอดีตเมื่อครั้งเมืองพูนาคายังเป็นเมืองหลวง ป้อมแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาล ปัจจุบันเป็นที่พักในฤดูหนาวของพระชั้นผู้ใหญ่ ป้อมนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำ Pho chu และ แม่น้ำ Mo chu ไหลมาบรรจบกัน อีกทั้งเป็นสถานที่ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล มรณภาพที่นี่ และปัจจุบันก็ได้เก็บรักษาร่างของท่านอยู่ภายในท่านจะได้เห็นลามะ (พระสงฆ์) จำนวนมากที่กำลังศึกษาพระธรรมและสวดมนต์ และในปี 1988 ใช้เป็นที่ประกอบพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชาธิบดีที่ 4 จิกมี ซิงเย วังชุก (Jigme Singye Wangchuck) อีกด้วย ได้เวลาอันสมควรเดินทางกลับเมืองทิมพู อิสระช้อปปิ้งในเมืองทิมพูในเส้นทางเดิม |
ค่ำ | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | HOTEL RIVERVIEW, THIMPHU หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ 3 :: | ทิมพู - พาโร |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 :: | |
07.00 น. | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม แล้ว CHECK – OUT |
08.00 น. | นำท่านชม ”เมืองหลวงเมืองทิมพู” เมืองทิมพู เป็นเมืองหลวงของภูฏานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 ในสมัยท่านซับดรุง งาวัง นัมเยล เดินทางมาเผยแพร่ศาสนาพุทธในภูฏานเมืองทิมพูตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัง- Wang Chhu (Chhu แปลว่า น้ำ) ในเมืองมีถนนหลายสายตัดขนานไปกับแม่น้ำ และมีถนนเล็กๆแคบๆ อีกหลายสายแยกไปตามจุดๆต่างๆในเมือง ถนนเหล่านี้เป็นเส้นทางคดเคี้ยวไปตามบ้านเรือน และวกวนขึ้นเนินไปยังอาคารทำเนียบรัฐบาล ที่ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขาในเขตมอติธัง (Motithang) ถิ่นคนรวยภูฏาน ย่านใจกลางเมืองทิมพู มีถนนหลายสายตัดผ่านไปยังศูนย์การค้า Zanto Pelri Shopping Complex อันเป็นที่ชุมนุมของร้านค้าและร้านอาหาร นับเป็นย่านชุมชนใหม่ในเมืองหลวงของภูฏาน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเดียวในโลกที่ไม่มีแม้แต่สัญญาณไฟจราจร (ยังใช้ตำรวจจราจรให้สัญญาณมือตรงทางแยกใหญ่ซึ่งมีอยู่เพียง 2 แห่ง) ถนนสายหลักของทิมพู คือ ถนน Norzine Lam (Lam แปลว่าถนน) ที่มีเส้นทางตัดผ่านกลางเมือง สองข้างทางบนถนนสายนี้เป็นที่ตั้งร้านค้าขนาดเล็กของชาวภูฏานและชาวอินเดีย จุดเริ่มต้นเขาเรา...นำท่านชม จุดชมวิวซังเกกัง (Sangaygang) จุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของหุบเขาเมืองทิมพู เหนือตัวเมืองในจุด ที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุดในประเทศภูฏูาน และนำท่าน สักการะองค์หลวงพ่อสัจจธรรม ที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก และได้รับความร่วมมือจากเศรษฐีชาวสิงค์โปร์ บริจาคเงินซื้อที่ดินและสร้างพระพุทธรูปให้แก่รัฐบาลประเทศภูฏานให้ท่านไหว้ขอพรเพื่อเป็นศิริมงคลโดยได้ต้นแบบมาจากพระพทุธรปูที่ประดิษฐานอยู่ในสถูปพุทธคยาประเทศอินเดีย อนุสรณสถานแห่งชาติ (National Memorial Chorten) มหาสถูปที่พระเจ้า จิกมี ดอร์จี วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 3 ที่ปกครองภูฏาน ในช่วงปี ค.ศ. 1952 – 1972 ทรงได้รับพระฉายาว่า “พระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่” (King of Modernization) เป็นมหาสถูปที่ประดิษฐ์ฐานพระบรมอัฐิของพระเจ้าจิกมี ดอร์จิ วังชุก ซึ่งได้รับสมญาว่า เป็นพระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา พาทุกท่านชม ที่ทำการไปรษณีย์ภูฏาน (Post Office) ทุกท่านสามารถถ่ายรูปทำแสตมป์ที่ระลึก อีกทั้งสามารถเลือกซื้อดวงตราไปรษณียากรที่งดงามของภูฎาน มีให้เลือกหลายรูปแบบและราคา ทั้งรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ รูปวัดและป้อมปราการที่เรียกว่าซอง (Dzong) รูปสัตว์ รูปดอกไม้ต่างๆ ซึ่งดวงตราไปรษณียกรของภูฏานถือเป็นหนึ่งในของน่าซื้อที่ทุกท่านไม่ควรพลาด ชม หอสมุดแห่งชาติ (The National Library) ซึ่งทุกท่านจะได้ชมหนังสือภาพถ่ายของประเทศภูฏานที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวบรวมภาพถ่ายสถานที่ต่างๆในภูฏานทั้งหมด ซึ่งหากท่านใดสนใจสามารถซื้อเล่มย่อเป็นของที่ระลึกได้ ซึ่งทางหอสมุดจัดจำหน่ายในราคาย่อยเยา นอกจากนี้ท่านยังสามารถหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับประเทศภูฏานอื่นๆได้อีกด้วย |
12.00 น. | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
13.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ เมืองพาโร (ระยะทาง 53 ก.ม. ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง) ดินแดนแห่งสวรรค์ใดในประเทศภูฏาน (Bhutan) "เมืองพาโร" (Paro) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่อยู่ทางตะวันตกของภูฏาน อยู่ห่างจากเ มืองทิมพู (Thimphu) เมืองหลวงของภูฏาน ไปประมาณ 53 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีความเก่าแก่ที่สุดของภูฏาน และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในภูฏานอีกด้วย และ เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของภูฏาน เป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อาคารประวัติศาสตร์ ที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขาเขียวขจี และมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านจำนวน 3 สาย คือ แม่น้ำตอสา แม่น้ำวัง และแม่น้ำพูนาซอง ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงาม และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมาก |
16.00 น. | ถึงเมืองพาโร....นำท่านไปชม วัดคิชู วัดคิชู (Kytchu Lhakhang) Lhakhang-ลาคัง แปลว่า วัดภูฏานเป็นประเทศเดียวในโลกที่ผู้คนนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานลัทธิตันตระหรือลามะ และถือเป็นศาสนาประจำชาติ วัดคิชูเป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่สุดของภูฏาน ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา พระเจ้าซองต์เซน กัมโป กษัตริย์ทิเบต ทรงสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 659 โดยที่ในเวลานั้นพื้นที่ของวัดยังเป็นของทิเบตและในพระอุปถัมภ์ของพระราชชนนีโดยท่านจะมาทำบุญ และวิปัสสนาที่วัดนี้เป็นประจำภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปที่งดงามในรูปทิเบต จากนั้น นำท่านเดินเล่นในตัวเมืองเก่าพาโร ก่อนรับประทานอาหารเย็น และพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรมในเมืองพาโร |
19.00 น. | รับประทานอาหาร ค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | JANKA RESORT , PARO หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ 4 :: | พาโร (วัดตั๊กซัง) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 :: | |
07.00 น. | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม |
08.00 น. | ไฮไลท์ การเดินทางขึ้นไป วัดตั๊กซังอันศักดิ์สิทธิ์ จะต้องใช้สองเท้าบวกพละกำลัง และแรงศรัทธา อย่างมาก แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ขัดขวางนักท่องเที่ยวหรือชาวพุทธแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเป็นสิ่งท้าทายให้นักท่องเที่ยวอยากพิชิตยอดเขาสูงเพื่อไปถึงวัดทักซังสักครั้ง เชื่อเลยว่าภาพที่เห็นตรงหน้าจะคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากแน่นอน นำท่านเดินเท้า (หรือขี่ม้า) ขึ้นสู่ยอดเขา ซึ่งแบ่งการเดินออกเป็น 2 ช่วงใช้เวลาช่วงละประมาณ ในเส้นทางแสวงบุญของชาวพุทธมหายานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเหมือนวิมานสวรรค์ล่องลอยอยู่เหนือกลุ่มเมฆนับเป็นวัดที่น่ามหัศจรรย์1ใน10ของโลกและมีความสำคัญที่สุดของชาวภฏูาน .... **รายการเสริม** ท่านสามารถขี่ม้าหรือลาค่าจ้างลาตัวละ ประมาณ 20 USD และมีคนจูง.. รายการทัวร์นี้ไม่รวมค่าขี่ม้า วัดตั๊กซัง (Taktshang Lhakhang) หรือ วัดถ้ำเสือ ซึ่งเป็นวัดถ้า 13 วัดที่สร้างเกาะเกี่ยวกันอยู่บนหน้าผา.. วัดทักซัง วัดเก่าแก่ที่มีความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์ความงดงามในเมฆหมอกหิมาลัยเป็นวัดพุทธที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูฏาน โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1962 ในเขตปาโร ด้วยความสูงเทียมฟ้าเช่นนี้เองทำให้วัดนั้นอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกสีขาวที่ล้อมรอบวัด สามารถชมวิวสวย ๆ ด้านล่างได้อย่างชัดเจนในวันที่ท้องฟ้าโปร่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่หมู่มวลดอกไม้ต่างพากันชูช่อสวยงาม.. |
12.30 น. | รับประทานอาหารกลางวัน ณ Takshang café (อาหารมังสวิรัติ) |
17.00 น. | นำคณะเดินทางลงจากยอดเขา หรือ วัดรังเสือ กลับสู่ที่พักอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย |
18.30 น. | พิเศษ.. แต่งกายตามแบบภูฏาน หรือชุดประจำชาติภูฏาน พร้อมชมโชว์การแสดงทางวัฒนธรรมของชาวภูฏาน หรือระบำหน้ากากเทซู นาฏศิลป์ภูฏานในชุดระบำหน้ากากที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและชมการเต้นรำพื้นเมืองของชนเผ่าที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศภูฏาน (หมายเหตุ: ชุดแต่งกายประจำชาติจัดเตรียมโดยทางบริษัท เพื่อใส่เข้าร่วมงานเท่านั้น) |
19.30 น. | รับประทานอาหารเย็น และพักผ่อนตามอัธยาศัย ณ โรงแรม |
ที่พัก | JANKA RESORT , PARO ***หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ 5 :: | พาโร - กรุงเทพฯ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 :: | |
07.00 น. | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม ได้เวลาอันสมควรเดินทางไปสนามบิน |
10.00 น. | นำท่านไปชม วัดคิชู วัดคิชู (Kytchu Lhakhang) Lhakhang-ลาคัง แปลว่า วัดภูฏานเป็นประเทศเดียวในโลกที่ผู้คนนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานลัทธิตันตระหรือลามะ และถือเป็นศาสนาประจำชาติ วัดคิชูเป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่สุดของภูฏาน ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา พระเจ้าซองต์เซน กัมโป กษัตริย์ทิเบต ทรงสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 659 โดยที่ในเวลานั้นพื้นที่ของวัดยังเป็นของทิเบตและในพระอุปถัมภ์ของพระราชชนนีโดยท่านจะมาทำบุญและวิปัสสนาที่วัดนี้เป็นประจำภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปที่งดงามในรูปทิเบต |
12.00 น. | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
13.00 น. | หลังจากนั้นเดินทางสู่ สนามบินพาโร เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ |
16.05 น. | เหิรฟ้ากลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Druk Air (KB) เที่ยวบินที่ KB…หรือ Bhutan Airlines (B3) B3… |
21.20 น. | ถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ และความประทับใจไม่รู้ลืม... |
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel