วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ - นครหลวงพระบาง - หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง - วัดเชียงทอง - พระธาตุพูสี |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
07.30 น. | พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ทางเข้าประตู 8 เคาน์เตอร์ W สายการบินลาว เจ้าหน้าที่สายการบินลาว คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก |
10.20 น. | เดินทางสู่ สนามบินหลวงพระบาง โดย Lao Airlines | Flight Number QV634 |
12.20 น. | เดินทางถึง สนามบินหลวงพระบาง ผ่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่รับคณะที่สนามบิน เมืองหลวงอดีตราชธานีของอาณาจักรล้านช้าง เดิมชื่อ “ศรีสัตนาคนหุตมะราชธานี” เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยพระเจ้าฟ้างุ้ม |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เที่ยวชม “หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง (พระราชวังเก่า)”อดีตเป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1904 (พ.ศ.2447) โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ เมื่อปี ค.ศ.1975 (พ.ศ.2519) มีหอที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร สูง 1.14 เมตร หนัก 54 กิโลกรัม กล่าวกันว่า ทำด้วยทองคำ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางและของชาวลาว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองหลวงพระบาง เดิมเมืองนี้ชื่อเมืองขวา แล้วเปลี่ยนมาเป็น เชียงดง เชียงทอง ตามลำดับ จากนั้นเที่ยวชม “วัดเชียงทอง” ซึ่งเป็นวัดหลวงคู่เมืองหลวงพระบาง โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้โปรดให้สร้างขึ้น และได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้าชีวิตศรีสว่างวงศ์วัฒนามากเป็นพิเศษ บริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ตอนหัวโค้งของแผ่นดินที่แม่น้ำคานมาบรรจบกันกับแม่น้ำโขง เป็นศูนย์ศิลปกรรมล้านช้าง ความงามของวัดอยู่ที่ความสงบ สง่า สะอาด มีการวางผังออกแบบ และบำรุงรักษาอย่างดีเยี่ยม ชมสิมหรือโบสถ์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของศิลปะสกุลช่างล้านช้าง วัดวิชุนราช พระธาตุหมากโม วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่รูปทรงคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง ทำให้ชาวลาวเรียกกันว่าพระธาตุหมากโมเป็นทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย เจดีย์นี้อาจดูทรุดโทรมมากแม้จะมีการปฏิสังขรณ์มา 2 ครั้งแล้วในปี พ.ศ.2402 ในสมัยพระเจ้าสักกรินทร์(คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ได้โปรดให้มีการบูรณะใหม่และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ได้ค้นพบโบราณวัตถุมีค่ามากมาย เช่น เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ ปัจจุบันนำไปเก็บไว้ในหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง นำท่านไปสักการะ “พระธาตุพูสี” ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 150 เมตร ใจกลางเมืองหลวงพระบาง นักท่องเที่ยว ที่มาเยือนหลวงพระบาง หากไม่ได้ขึ้นไปก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง สองข้างทางขึ้นพระธาตุร่มรื่นและหอมอบอวลไปด้วยดงดอกจำปาลาวหลากสีสัน (ช่วง กพ.-มีค.) มองจากยอดพูสีคือภาพพานอรามาของราชธานีเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง ล้อมรอบด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนสมกับนามว่า บ้านผา เมืองภูอูอารยะธรรมล้านช้าง ชมพระอาทิตย์อัสดงและตัวเมืองหลวงพระบางในมุมสูง ซึ่งเบื้องล่างจะมองเห็นพิพิธภัณฑ์ โดยมีแม่น้ำโขงเป็นฉากหลัง และอีกด้านหนึ่งจะเห็นน้ำคานที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารค่ำอิสระเดินเที่ยวชม ตลาดมืดหลวงพระบาง (NIGHT MARKET) บนถนนศรีสว่างวงศ์ ตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดถนน ให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าในบรรยากาศแบบหลวงพระบางยามราตรี มีทั้งเสื้อยืดสกรีนเป็นภาษาลาว, ผ้าคลุมไหล่, กระเป๋าถือ, เครื่องประดับ, โลหะเกะสลัก, ภาพเขียน ฯลฯ จุดเด่นคือ สินค้าแทบทุกชิ้นเป็นสินค้าแฮนด์เมดของชาวบ้านแท้ๆ วางจำหน่ายในราคาที่ต่อรองกันได้ อีกทั้งยังมีเบเกอรี่ ต่าง ๆ เพื่อให้ท่านได้ลิ้มลอง และขนมเค้กอันแสนอร่อยนานาชนิด หากท่านใดจะเลือกซื้อของใส่บาตรในเช้าวันรุ่งขึ้นก็สามารถจัดแจงหาซื้อได้เช่นกัน |
ที่พัก | โรงแรม 3 - 4 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองหลวงพระบาง |
วันที่ 2 | นครหลวงพระบาง - เมืองวังเวียง - สะพานข้ามแม่น้ำซอง - บลูลากูน |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้าตรู่ | ตื่นเช้ากันซักหน่อยร่วม ทำบุญ-ตักบาตรข้าวเหนียว กับชาวหลวงพระบาง ทุกเช้าชาวหลวงพระบาง ทุกบ้านจะพากันออกมานั่งรอตักบาตรพระสงฆ์ที่เรียงแถวเดินมาตามถนนเป็นร้อยๆ รูป ซึ่งเป็นภาพยามเช้าที่มีชีวิตชีวาของหลวงพระบาง โดยสะท้อนถึงวิถีชีวิตของสังคมอันสงบสุข และความเลื่อม ใสศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนาที่หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมของชาวล้านช้าง ( พิเศษชุดตักบาตรเช้าท่านละ 1 ชุด ) เที่ยวชม ตลาดเช้า เมืองหลวงพระบางสัมผัสกับวิถีชีวิต พ่อค้า แม่ค้าชาวบ้าน ที่นำสินค้าพื้นเมือง มากมายมาวางขาย |
เช้า | บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม เดินทางสู่ เมืองวังเวียง |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินผ่าน “สะพานข้ามแม่น้ำซอง (สะพานส้ม). ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของถ้ำจังเพราะสะพานจะมีสีส้มสะดุดตา แล้วเดินทางขึ้นไปเที่ยวชม “ถ้ำจัง” ขึ้นบันได 147 ขั้น เป็นทางลาดชัน เมื่อเดินขึ้นไปถึงก็จะพบกับถ้ำจัง ซึ่งแบ่งเป็น 2 โซนด้วยกันคือ ถ้ำฝั่งซ้ายมือ เมื่อเดินเข้าไปก็จะไปถึงจุดชมวิวจากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำซอง กับทุ่งนาสีเขียวกับธรรมชาติที่สมบูรณ์ของเมืองวังเวียง ส่วนโซนขวามือสัมผัสกับหินงอกหินย้อยในรูปลักษณ์ต่างๆ ภายในถ้ำอากาศเย็นสบาย เนื่องจากมีแม่น้ำไหลออกจากปากถ้ำสู่พื้นด้านล่าง นำคณะเดินทางสู่ “ ถ้าปูคำ “ห่างจากตัวเมืองวังเวียง 6 กิโลเมตร ภายในประดิษฐานพระนอนสำริดจากประเทศไทย ถ้ำปูคำแห่งนี้เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ด้านในมีลำแสงส่องเข้ามาด้านในถ้ำ คนลาวเชื่อกันว่าคนที่เข้าไปภายในถ้ำปูคำแล้วเห็นปูคำถือว่าโชคดีหรือมีบุญ เพราะน้อยคนที่จะได้เห็นปูคำจะได้เห็นก็ช่วงวันสงกรานต์ ครูบาจะอันเชิญปูคำให้นักท่องเที่ยวหรือชาวบ้านได้เห็น หลังจากนั้นสามวันก็จะนำปูคำกลับไปในถ้ำอย่างเดิม ปูคำที่โตเต็มที่จะมีลักษณะตัวเป็นสีเหลืองทอง แต่ถ้าเป็นตัวเล็กๆ กระดองจะเป็นสีเขียว ขาจะยาวมีสีส้มออกทอง จากนั้นอิสระให้ท่านได้เล่นน้ำ “บลูลากูน” และสนุกกับกิจกรรมต่างๆ เช่น ล่องห่วงยาง/ สไลน์เดอร์/กระโดดเชือก/เล่น Zip Line/หรือสนุกกับขับรถบักกี้ ฯลฯ (ค่ากิจกรรมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไม่รวมในค่าทัวร์) |
ค่ำ | บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | โรงแรม ระดับ 3 - 4 ดาว หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เมืองวังเวียง - นครหลวงเวียงจัน - สนามบินสุวรรณภูมิ |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม เดินทางสู่ นครหลวงเวียงจันทน์ |
เที่ยง | บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ชม อนุสาวรีย์ของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ...สักการะ “พระธาตุหลวง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวียงจันทน์ ชมศิลปะแบบล้านช้างและถ่ายรูปตามอัธยาศัย เที่ยวชม “ประตูชัย” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะและอธิปไตยของลาว เที่ยวชม “วัดสีสะเกด”หรือวัดสะตะสะหัสสาราม หรือวัดแสน เป็นวัดที่สร้างขึ้นแห่งแรกในนครเวียงจันทน์ สตสหัสส แปลว่า 100,000, อาราม แปลว่า วัด, วัดสตสหัสสาราม จึงแปลว่า วัดแสน ในอดีตเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช ลาว เหตุที่ชื่อวัดแสนก็เพราะว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชและพุทธศาสนิกชนชาวลาวในอดีต ทรงสร้างพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กและองค์ใหญ่ประดิษฐานไว้ทั่ววัด 100,000 องค์ ดังนั้นจึงมีชื่อเล่นว่าวัดแสน แต่ปัจจุบันมีเหลืออยู่ประมาณ 10,000 กว่าองค์เท่านั้น เที่ยวชม “หอพระแก้ว” ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตก่อนที่จะถูกอันเชิญไปประดิษฐานที่กรุงเทพมหานครในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ปัจจุบันเหลือเพียงแค่แท่นที่ประดิษฐานภายในหอพระแก้ว หอพระแก้วในปัจจุบันได้ถูกบูรณะใหม่เกือบทั้งหมดเพราะเคยถูกทำลายในสมัยสงคราม ปัจจุบันภายใน ได้จัดแสดง พระแท่นบัลลังก์ปิดทองจารึกพระไตรปิฏก ภาษาขอมและกลองสำริดประจำราชวงศ์ลาว ใบเสมาต่างๆ และพระพุทธรูปศิลปะล้านช้างปางต่างๆ เดินทางสู่ สนามบินวัตไต |
18.35 น. | เดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดย Lao Airlines | Flight Number QV445 |
19.35 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel