วันที่ 1 | กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - เมืองหลวงเดลี - ปัตนะ - เมืองราชคฤห์ (ประเทศอินเดีย) |
---|---|
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 1 | |
05.00 น. | คณะเดินทางพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคาร 2 เคาน์เตอร์ สายการบิน AIR ASIA โดยเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้กับ ทุกท่าน |
08.40 น. | สู่ เมืองคยา โดย สายการบิน AIR ASIA เที่ยวบินที่ FD112 (ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง) (ไม่มีบริการอาหารบนเครื่อง) |
10.10 น. | ถึง ท่าอากาศยานพุทธคยา (ประเทศอินเดีย) ตามเวลาท้องถิ่นผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว....ออกไปพบพระวิทยากรที่รอต้อนรับคณะ |
10.30 น. | นำท่านเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ (Rajgir) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) “เมืองราชคฤห์” ราชคหะ หรือ ราชคีระ เป็นชื่อเมืองหลวงของแคว้นมคธสมัยพุทธกาล มีภูเขาล้อมรอบ ๕ ลูก จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เบญจคีรีนคร เป็นชื่อเมืองหลวงของแคว้นมคธสมัยพุทธกาล เป็นเมืองตั้งหลักพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสารผู้ครองนคร เป็นเมืองที่มีประวัติความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามากที่สุด |
กลางวัน | บริการอาหารกลางวัน บนรถ ข้าวเหนียวหมูหรือไก่ทอด |
บ่าย | จากนั้น นำพาท่านขึ้นสู่ ยอดเขาคิชฌกูฏ ทำสมาธิภาวนา และบำเพ็ญกุศล ณ พระคันธกุฎิชมทิวทัศน์เมืองราชคฤห์ ได้เวลาอันสมควรนำท่านลงจากยอดเขา แวะชม สถานที่สำคัญต่างๆ ชมถ้ำ สุกรขาตา เป็นสถานที่พระสารีบุตรทรงบรรลุพระอรหันต์ ภายในถ้ำ ขณะนั้นพระสารีบุตรกำ ลังถวายพัดพระบรมศาสดาอยู่เบื้อง หลังพระองค์แสดงธรรมโปรดทีฆนขะปริพพาชกเรื่องอุบายแห่งการละ ทิฏฐิ ๓ ประการสำ เร็จเป็นพระอรหันต์ยกย่องเป็นพระอัครสาวกเบื้อง ขวาเลิศทางปัญญาในวันนั้นเป็นวันมาฆบูชา ๑๕ ค่ำเดือน ๓ ชม ถ้ำพระโมคคัลลานะ เป็นที่พักอาศัยของพระโมคคัลลานะ หลัง จากอุปสมบทได้ ๗ วัน บำ เพ็ญเพียรที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม พระองค์ทรงแสดงอุบายระงับความง่วง ๘ ประการ สำ เร็จเป็นอรหันต์ ยกย่อง เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายเลิศทางมีฤทธิ์ หมายเหตุ: การขึ้นเขาคิชฌกูฏ ลาดชันพอประมาณ ระยะทางโดยรวมประมาณ 750เมตร ทุกท่านจะต้องเดินขึ้นรถยนต์ไม่สามารถขี้นไปถึงใช้เวลาประมาณ 20นาทีท่านที่เดินไม่ไหวสามารถขึ้นได้โดยการนั่งเสลี่ยงโปรดแจ้งหัวหน้าทัวร์ นำท่านเข้าสู่ วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่พระเจ้าพิมพิสารทรงยกพระราชอุทยานสวนไม้ไผ่ถวายเป็นที่ประทับแห่งแรกแด่พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสงฆ์สาวก พุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ ที่แห่งนี้แล้ว 6 พรรษา เจริญพระพุทธมนต์เจริญสมาธิภาวนา ณ อุโบสถสถานที่ประชุมพระสาวกอรหันต์ 1,250 รูป ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ซึ่งเรียกการประชุมนี้ว่า จาตุรงคสันนิบาต มูลเหตุแห่งพิธีมาฆบูชา และพุทธองค์ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แก่ภิกษุเหล่านั้น.. |
ค่ำ | บริการอาหารบริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย |
ที่พัก | HOTEL RAJIGIR RESGEDENCY หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | นาลันทา - หลวงพ่อองค์ดำ - ไพสาลี - กุสินารา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 2 | |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองนาลันทา ชื่อนาลันทามีความหมายว่า “ให้ไม่รู้จบ” (insatiable in giving) คือเป็นสถานศึกษาให้ความรู้แก่ผู้มาเรียนไม่มีที่สิ้นสุด มหาวิทยาลัยนาลันทามหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก ชม ซากมหาวิทยาลัยพุทธศาสนา ที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจำนวนหมื่นเมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูกชาวมุสลิมรุกรานสังหารพระและคณาจารย์ เผาทำลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ซากปรักหักพังปรากฏเป็นรูปฐานและผนังของอาคารยาวเหยียดในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตร บำเพ็ญกุศล ณ บ้านพระสารีบุตร สักการะ “สถูปพระสารีบุตร” ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตร…’ซากปรักหักพังของนาลันทามหาวิหาร อาจทำให้เรานึกได้ว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธศาสนาในอินเดียได้เจริญรุ่งเรืองอย่างสูง แต่ก็ได้ผันผวนตกต่ำลงไปตามหลักเหตุปัจจัย อันเป็นหลักสำคัญในพุทธธรรมนั่นเอง จากนั้น นำท่านสักการะ “หลวงพ่อดำ” เป็นพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนับถือมาก ว่ากันว่าใครขอพรอะไรก็จะสมหวัง พระพุทธรูปสร้างจากหินสีดำลักษณะงดงาม มีความพยายามที่จะเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ไปไว้ในพิพิธภัณฑ์หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จเพราะมีเหตุอาเพธทุกครั้ง นับเป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญองค์หนึ่งเพราะเป็นพระพุทธรูปที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่องค์ที่ไม่ถูกทำลาย ชาวบ้านเรียกว่า เตลิยบาบา หรือหลวงพ่อน้ำมัน จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวสาลี คืออาณาจักรหนึ่งของวัชชี นำท่านชมเมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี หนึ่งใน 16 แค้วนของชมพูทวีปในสมัยโบราณ เมืองนี้มีชื่อหลายชื่อคือ ไพสาลี ไวสาลี และเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นที่กำเนิดของพระมหาวีระศาสดาของศาสนาเชนและที่เป็นต้นกำเนิดของการทำน้ำมนต์ในพุทธศาสนา เนื่องจากได้เกิดทุพิกขภัยร้ายแรงทั่วเมืองเวสาลีมีคนตายมากมาย กษัตริย์ลิจฉวีจึงได้นิมนต์ให้พระพุทธเจ้าได้มาโปรดชาวเมือง พระพุทธเจ้าจึงนำเหล่าภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางไปโปรดที่เมืองไวสาลี พร้อมทั้งได้มีการประพรมน้ำมนต์ทั่วทั้งเมือง นำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน ชมเสาอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ระหว่างทาง |
บ่าย | ออกเดินทางสู่ เมืองกุสินารา ระยะทาง 310 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง) เมืองกุสินาราเป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถานแห่งที่ 4 ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ เป็นที่ตั้งของสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า และจัดเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 4 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร โรงแรมอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย |
ที่พัก | HOTEL IMPERIAL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | กุสินารา - ลุมพินี(ประเทศเนปาล) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 3 | |
เช้า | (โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวเพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดีย -เข้าสู่ประเทศเนปาล) รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน เมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน สังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ คือ สถานที่ดับขันธปรินิพพาน ด้วยอนุาทิเสสนิพพานธาตุดับไม่มีส่วนเหลือ คือทั้งกิเลส ทั้งเบญจขันธ์ดับหมด. นำคณะท่าน เดินทางสู่ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าบูชาสักการะพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมหาปรินิพพานวิหารและเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตะภาวนาจุดธูปเทียน ปทักษิณรอบปรินิพพานวิหาร แล้วชมสถานที่พระอานนท์เกาะสลักเพชรร้องไห้ ชมซากปรักหักพังของกุฎิ เจดีย์ชมต้นสาละอันเป็นต้นไม้ที่พระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธ์เสร็จ นำท่านเดินทางสู่ มงกุฏพันธนเจดีย์ อยู่ห่างจากปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออก 1 กิโลเมตร ชาวท้องถิ่นเรียก รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ มีสภาพเป็นเนินดินก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี รายการทำบุญ ..รายการที่จะบำเพ็ญกุศล ถวายผ้าหุ่มพระปางปิรินิพาน ในพระวิหาร จำนวน 1 ชุด (บริษัท จัดนำให้เพื่อถวายพุทธบูชา.....อนุโมทนา) |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ระหว่างทาง |
บ่าย | นำคณะเดินทางสู่ ลุมพินี ประเทศเนปาล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง) ลุมพินีวัน (Lumbini Vana) เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1ใน4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธเป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล เป็นพุทธสังเวชนียสถาน 4 ตำบลเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ผ่านชายแดนระหว่าง อินเดีย – เนปาล ... นำท่านแวะ พุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960 คือสวรรค์บนดินชายแดนอินเดีย-เนปาล สถานที่ปลดทุกข์ เห็นสุขทันตามีศาลาพักข้างทางของผู้แสวงบุญ ห้องน้ำห้องสุขา นำท่านเดินทาง ผ่านพรมแดน อินเดีย-เนปาล สู่ สวนลุมพินีวัน ดวงไฟแห่งสินติภาพ ภายในพุทธอุทยานทางประวัติศาสตร์ของโลก จากนั้นนำคณะท่านเข้าเยี่ยมชม วัดไทยลุมพินี ตั้ง อยู่ในปริมณฑลสังเวชนียสถานที่ประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ สวนลุมพินีวันราชอาณาจักรเนปาล สร้างขึ้นด้วยศรัทธาของพุทธบริษัทชาวไทย นำท่านเข้าสู่ที่ประสูติของพระพุทธองค์ ณ สวนลุมพินีวัน"ลุมพินี" สมัยก่อนพุทธกาลเป็นป่าใหญ่ อยู่ในเส้นทางระหว่างกรุงกบิลพิสดุ์ (พระเจ้าสุทโธทนะ) และ กรุงเทวทหะ (พระนางสิริมหามายาพุทธมารดา) ป่าใหญ่ที่ชื่อ "ลุมพินี"ได้เกิดมีความสำคัญในทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของโลก เพราะเกิดเป็นพุทธสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะคือ"พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" นำพาคณะกราบนมัสการ สถานรอยพระพุทธบาท ที่ประทับลงมายังพื้นปฐพีเป็นครั้งแรกเจริญพระพุทธมนต์เจริญสมาธิภาวนา แล้ว ชม หินสลักภาพประสูติชมเสาอโศก และสระโบกขรณี… ปัจจุบัน "ลุมพินี" ได้รับความสำคัญจากชาวพุทธทั่วโลกกล่าวคือ"ลุมพินี" ได้รับการสถาปนาให้เป็นทั้งนี้ด้วยแรงศรัทธาและน้ำใจของชาวพุทธทั่วโลก ความสำนึกน้อมนึกได้เกิดขึ้นในสมัยขณะ ที่ ฯพณฯ อูถั่น (ชาวพุทธพม่า) ขณะยังดำรงตำแหน่งเป็น"เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ"ได้ปรารภกับชาวพุทธทั่วโลกเพื่อโครงการนี้และได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น รวมถึงการเงินด้วยเป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่พอควร ฯพณฯ อูถั่นได้มอบโครงการนี้พร้อมทั้งทุนขอให้องค์การพุทธศานิกสัมพันธ์แห่งโลกซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่ถาวรอยู่ที่ประเทศไทยโครงการ "พุทธอุทยานสถาน" ที่ลุมพินี เป็นโครงการทางพระพุทธศาสนาที่ใหญ่โตมาก อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมวัดทั่วโลก"จะมาปลูกสร้างในพื้นที่บริเวณติดต่อกัน ขณะนี้ประเทศต่างๆ จองมาสร้างวัดแล้วถึง ๔๑ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระตามอัธยาศัย |
ที่พัก | HOTEL BUDDHA MAYA GARDEN (LUMBINI) หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | ลุมพินี (เนปาล) - พาราณสี(อินเดีย) |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 4 | |
เช้า | (โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวเพื่อประทับตราออกจากประเทศเนปาล -เข้าสู่ประเทศอินเดีย) รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองพาราณสี ระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง) นำท่านแวะ พุทธวิหารสาลวโนทยาน 960 คือสวรรค์บนดินชายแดนอินเดีย-เนปาล สถานที่ปลดทุกข์ เห็นสุขทันตามีศาลาพักข้างทางของผู้แสวงบุญ ห้องน้ำห้องสุขา ชายแดน อินเดีย-เนปาล นำท่านผ่านประทับตราหนังสือเดินทางเพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองอินเดีย – เนปาล |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองพาราณสี (ระยะทางประมาณ 270 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง) เมืองพาราณสี หรือ วาราณสี (Varanasi) เป็นชื่อของเมืองหลวงแคว้นกาสี ประเทศอินเดีย มีแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่าน มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4000 ปี ...ในชาดกได้ระบุชื่อเมืองนี้มากมายผู้ครองเมืองก็มักจะชื่อพระเจ้าพรหมทัตต์คุ้นหูของชาวพุทธมาก สมัยพุทธกาลเมืองนี้เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ตอนตรัสรู้แล้วใหม่ๆได้เสด็จจากอุรุเวลาเสนานิคมมายังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน(ป่าเป็นที่ปฏิบัติธรรมของฤาษีอันเป็นเขตอภัยทาน) ปัจจุบันเมืองนี้เรียกว่า“สารนาถ”(ที่พึ่งของหมู่กวาง)และเป็นสถานที่ตั้งของสารนาถในสมัยพุทธกาลเรียกกันว่าป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แปลว่า เขตป่าอภัยทานแก่สัตว์ที่เป็นที่บำเพ็ญตบะของฤษี เป็นสถานที่สงบและเป็นที่ชุมนุมของเหล่าฤษีและนักพรตต่าง ๆ ที่มาบำเพ็ญตบะและโยคะเพื่อเข้าถึงพรหมมันตามความเชื่อในคัมภีร์อุปนิษัทของพรามหณ์ทำให้เหล่าปัญจวัคคีย์ที่ปลีกตัวมาจากเจ้าชายสิทธัตถะ ภายหลังจากที่พระองค์ทรงเลิกบำเพ็ญทุกขกริยาได้มาบำเพ็ญตบะที่นี่แทน นำท่านไปชมวิถีชิวิตชาว เมืองพาราณสี ล่องเรือแม่นำคงคายามค่ำคืน “มหานทีแห่งศรัทธา แม่น้ำคงคา ได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำสายศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนภารตะ อินเดียไหลจากสวรรค์จากความศรัทธาที่ผู้คนอุทิศให้เมืองที่เหมือนยังไม่ถูกปลุกจากฝันมานานกว่า 5,000 ปีแห่งนี้ ... ชาวพาราณสีผูกพันกับ แม่น้ำคงคาอย่างเป็นหนึ่งเดียว ... ชม พิธีบูชาไฟ หรือ พิธีอารตี "อารตี" (Aarti) พิธีบูชาไฟ ตามคัมภีร์ฤคเวทย์ ได้กล่าวถึงการบูชาไฟ ซึ่งเป็นพิธีกรรมเพื่อขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อมอบความสุขและความโชคดีให้แก่ผู้ที่บูชา เครื่องพลีหรือเครื่องสังเวยที่ใช้ในการบูชาไฟ ประกอบด้วย น้ำนม เมล็ดข้าว เนยแข็ง เหล้า (กลั่นจากต้นไม้) ดอกไม้ และหญ้าคา เชื่อว่าเป็นหญ้าศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวข้องกับพระเป็นเจ้า หญ้าคา เป็นอาสนะที่ประทับของพระศิวะบนเขาไกรลาส เมื่อเริ่มทำพิธีกรรมพรามณ์ก็จะนำอาหารเหล่านี้ใส่ลงไปในกองไฟ พร้อมสวดสรรเสริญพระเป็นเจ้า...หมายถึงสิ่งที่ไล่ความมืดออกไป หรือ แสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ตามตำนานฮินดูกล่าวว่า เทพเจ้าจะรับรู้ถึงการบูชาจากการใช้แสงสว่าง ดังนั้น ผู้ทำพิธีจึงต้องโบกสะบัดตะเกียงเปล่งแสงหน้าเทวรูปหรือบุคคลที่เคารพบูชา โดยจะเวียนตะเกียงสามครั้งในทิศตามเข็มนาฬิกาขณะที่ท่องบทสวดไปด้วย เพื่อให้องค์เทพประทานความสุขและความโชคดีแก่ชีวิต.. สมควรแกเวลานำท่านกลับที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระตามอัธยาศัย |
พักที่ | HOTEL RSDISSON (พาราณสี) หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | พาราณสี - ธัมเมกขสถูป สารนาท - พุทธคยา |
รายละเอียดการเดินทาง วันที่ 5 | |
เช้า | นำคณะเดินเข้าสู่ ธัมเมกขสถูป สักการะ พระมูลคันธกุฏิ กุฏิที่พระพุทธองค์จำพรรษาครั้งแรกหลังจากตรัสรู้ ชมหลักศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราชอันเป็นหลักฐานสำคัญสื่อให้รู้ว่าเป็นสถานที่พระพุทธองค์ได้แสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรก ชม “ยะสะเจดีย์” สถานที่ยะสะกุลบุตรพบพระพุทธองค์ แล้วชม สังฆาราม กว่า 1,000 หลัง เข้าชม พิพิธภัณฑ์ สารนาถ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่เก่าแก่และงดงามที่สุดในโลก พระพุทธรูปองค์นี้ได้ส่งประกวดระดับโลกและชนะเลิศมาแล้วหลายครั้ง…. นำท่านแวะชม เจาคันธีสถูป สถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงพบปัจจวคีย์ นำท่านชมพิพิธภัณฑ์สารนาถ พิพิธภัณฑ์สารนาถเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาวัตถุโบราณต่างๆ โดยมีพระพุทธรูปทีโด่งดังคือ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยคุปตะ พระพุทธรูปนี้ถูกค้นพบที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก ชนะรางวัลการประกวดขององค์การ UNESCO และเป็นองค์พระพุทธรูปซึ่งงดงามจนเป็นที่กล่าวขานกันว่าหากส่งเข้าประกวดอีกร้อยครั้งก็จะต้องชนะทั้งร้อยครั้ง นำท่าน เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองพาราณสี อาทิผ้าไหม กระเป๋า รองเท้า งานแกะสลัก ผลิตภัณฑ์ Himalaya เป็นต้น |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ระหว่างทาง |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ “พุทธคยา” (Bodhgaya) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง) สำหรับการเกิดมาเป็นชาวพุทธ สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ขอให้ได้มาเที่ยวอินเดีย นำท่านเดินทางสู่ ภายในปริมณฑล ต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา และ พระมหาเจดีย์พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบสักการะหลวงพ่อ พระพุทธเมตตา ประดิษฐานภายในมหาเจดีย์พุทธคยา พระพุทธปฏิมากรปาง ชนะ มารที่รอดพ้นจากการถูกทำลายจากน้ำมือกษัตริย์ฮินดูอย่างปาฏิหาริย์ ด้วยพระพักตร์ที่แสดงออกด้วยเมตตากรุณาอั้นเปี่ยมล้นชาวพุทธทั่วโลกจึงต่างพากันเบียดเสียดเพื่อเข้าไปกราบไหว้บูชา สักการะ พระแท่นวัชรอาสน์ ภายใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในดินแดนถิ่นพุทธภูมิ นมัสการสัตตมหาสถาน ที่สำคัญอันอยู่ใกล้เคียง ได้แก่ อนิมิสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รันตนฆรเจดีย และสระมุจลินท์ เป็นต้น ทำสมาธิ ถวายเป็นปฏิบัติบูชา |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระตามอัธยาศัย |
ที่พัก | HOTEL MAHABODHI (พุทธคยา) หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | พุทธคยา - กรุงเทพฯ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม วัดพุทธนานาชาติ ตั้งอยู่ภายในในเขตปริมณฑลพุทธคยา เป็นเสมือนมหาสังฆารามที่รวบรวมวัดเข้าไว้ในอาณาบริเวณเดียวกัน โดยมีประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งสายมหายานและเถรวาท ที่ศรัทธามาสร้างวัดขึ้น ด้วยมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางศิลปะและสถาปัตยกรรมของประเทศตน จึงเรียกว่าเป็นอาณาจักรแห่งพุทธศาสนิกนานาชาติก็ว่าได้ วัดไทย วัดพม่า วัดลังกา วัดสงฆ์อินเดีย วัดโพธิ์คำอัสสัม วัดสงฆ์บังคลาเทศ วัดจีน วัดธิเบต วัดญี่ปุ่น วัดเวียดนาม วัดเกาหลี วัดภูฏาน วัดสิกขิม เป็นต้น นำท่านกราบลา “สถานที่ตรัสรู้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา และ พระมหาเจดีย์พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่ สนามบิน |
10.10 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการ Air Asia เที่ยวบินที่ FD113 |
14.50 น. | ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ.....อิ่มบุญกันถ้านหน้า... |
Address
240/26 (A Tower) Ayothaya Building 16th Floor, Ratchadapisek Soi 18, Huay Kwang, BKK 10320
จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.
Contact Us
Hotline : 081-873-6566, 099-191-9288
Social Network
Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel