Blogs: เที่ยวตุรกี สุด Exclusive กับ Double Enjoy Travel

เที่ยวตุรกี สุด Exclusive กับ Double Enjoy Travel

เที่ยวตุรกี สุด Exclusive กับ Double Enjoy Travel

เที่ยวดี เที่ยวสนุกสุดมันส์กับผม “นาย Patty.... พาเที่ยว” เจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือเลเวลความสนุกและสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่ใครๆ หลายๆ คนชื่นชอบกับ “โปรแกรมทัวร์ตุรกี” สุด Exclusive กับ Double Enjoy Travel และผม “นาย Patty..... พาเที่ยว” ขอรับครับผม หลังจากที่ผม “นาย Patty..... พาเที่ยว” ได้พาคุณๆ ไปเที่ยวชมความงดงามของธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวในแถบยุโรปกันไปแล้ว วันนี้ผมจะพาคุณทุกท่านมาลองเปลี่ยนแนวบรรยากาศการท่องเที่ยวจากทางฝั่งยุโรปมาเป็นฝั่งเอเชียทางบ้านเรากันดูบ้างครับ

อย่าง “ประเทศตุรกี” ประเทศที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป โดยร้อยละ 97 ของประเทศนั้นมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งเอเชีย และภูมิประเทศตอนกลางก็ประกอบไปด้วยที่ราบสูงครับ ส่วนทางด้านฝั่งตะวันออกก็จะมีลักษณะเป็นภูเขา ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำที่สำคัญๆ หลายสายครับ ไม่ว่าจะเป็น แม่น้ำยูเฟรติส แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำอารัส  หลังจากที่เรารู้จักประเทศตุรกีกันไปแล้ว หลังจากนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวชมความงดงามและสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตและสัมผัสมนต์เสน่ห์ที่ชวนให้น่าหลงใหลของประเทศนี้กันครับ จะสนุก ตื่นเต้น และสวยงามขนาดไหนกันนั้น ตามผมไปดูกันเลยครับ
เรามาเริ่มกันที่สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตใน “อิสตันบูล” เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้กันครับ อย่างเช่น “ฮิปโปโดรม (Hippodrome)” หรือ สนามแข่งม้าโบราณนั่นเองครับ โดยมี “เสาโอบีลิสค์ฟาร์ธุตโมส (Obelisk of Pharaoh Thutmose เป็นเหมือนอนุสาวรีย์ของที่นี่ และถึงแม้ว่าตอนนี้ “เสาโอเบลิสค์” จะเหลือแค่ส่วนปลายที่ยาว เพียง 20 เมตร แต่ก็ยังมีงานแกะสลักที่มีคุณค่าและความหมายของยุคสมัยชวนให้ค้นหา และนอกจาก “เสาโอเบลิสค์” ที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่แล้วยังมี “เสางู (Serpentine Colum)” ซึ่งแกะสลักเป็นรูปสามเหลี่ยมตัวกระหวัดรัดพันเสา และ “เสาคอลัมน์คอนสแตนตินที่ 7 หรือมีชื่อเรียกว่า “Column of Constantine VII) โดยเสานี้ไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด รู้เพียงว่าตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 940 เท่านั้น
  มาต่อกันเลยดีกว่า ด้วยการสัมผัสความงามก็คือ “สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque หรือ Sultanahmet Mosque)” ซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง  โดยภายในถูกตกแต่งเต็มไปด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านใน (และเป็นที่มาของชื่อ)  ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ และใช้เวลาในการสร้างตั้งแต่ ค.ศ.1609 ถึง 1616 นอกจากนั้นยังมีหอประกาศเชิญชวนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำพิธีละหมาด Minaret 6 หอ เท่ากับสุเหร่าที่นครเมกกะ ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่
ที่ห้ามพลาดสำหรับทริปนี้  “สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia)”ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง ซึ่งปัจจุบันที่นี่ถูกใช้เป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม โดยในอดีตโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ ภายในมีเสางามค้ำที่สลักอย่างวิจิตรประดับไว้งดงามจำนวน 108 ต้นด้วยกันต้องมาลองนับกันดูนะว่าได้ 108 ต้นจริงหรือเปล่า !!
และก่อนที่เราจะไปเที่ยวต่อกันที่เมืองอื่นๆ ของประเทศตุรกี ผมก็ขอทิ้งท้ายสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองอิสตันบูลกันที่ “พระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace)” ที่ที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 หรือ เมห์เมตผู้พิชิต ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือ อิสตันบูลในปัจจุบันได้แล้ว และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร พระราชวังแห่งนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบ 700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมาร์มาร่า โดยภายในพระราชวังทอปกาปึนั้นกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า อาทิเช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านในแต่ละยุคสมัย 
นอกจากนั้นยังมีพระราชวังโดลมาบาเช่ Dolmabahce Palace ซึ่งเป็นพระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน โดยใช้เวลาก่อสร้าง 12 ปีด้วยกัน ถือว่าเป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามเลยก็ว่าได้ครับ ภายนอกพระราชวังนั้นประกอบไปด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมรอบพระราชวัง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับภายในประกอบด้วยห้องหับต่าง ๆ และฮาเร็ม ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรงแก้วเจียระไน และโคมไฟขนาดมหึมาที่หนักถึง 4.5 ตันอีกด้วย
  ถึงแม้ว่าเมืองอิสตันบูลจะมีแต่สถานที่ที่สวยงามแล้ว แต่ที่ “เมืองบูร์ซ่า” ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียวครับ อย่างเช่น “มัสยิดเก่าแก่ของเมืองบูร์ซ่า (Grand Mosque)” เก่าแก่ของที่นี้ โดยสถานที่ภายในจะพบกับผลงานอันงดงามและละเอียดอ่อนประณีต กระเบื้องประดับที่ใช้ประดับมีสีสันลวดรายที่ละเอียด และซับซ้อนอย่างพิสดารทั้งลายรูปวงกลม รูปดาว ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามนั่นเองครับ 
จากนั้นผมจะพาทุกท่านเที่ยวชมความสวยงามของตัวเมืองที่ครั้งในอดีตกษัตริย์ที่เคยปกครองอาณาจักรออตโตมาน ได้ใช้เมืองนี้เป็นที่ฝังศพ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองเบอร์ซา ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1491 - 1421 โดยสถาปนิกชื่อ Haci Ivaz Pasa โดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเบอร์ซา อาคารสุเหร่ามีความโดดเด่นด้วยการใช้กระเบื้องหินอ่อนสีฟ้าเขียวในการตกแต่ง ผนังและเพดานด้านในก็ถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคสีฟ้าเขียวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ภายในสุเหร่าแห่งนี้ยังมีที่บรรจุศพของสุลต่านเมห์เมดที่ 1 และครอบครัว สถานที่แห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าของประเทศตุรกี
      นอกจากสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามที่ผมพาไปเที่ยวชมแล้ว ผมยังมีแหล่งช้อปปิ้งไว้เอาใจผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งอีกด้วย อย่างเช่น “ตลาดผ้าไหมเมืองบูร์ซา (Bursa Silk Market)”  เป็นตลาดที่ขายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมเป็นหลักโดยเฉพาะผ้าคลุมศีรษะลวดลายพื้นเมืองจะขายดีเป็นพิเศษ ซึ่งนอกจากผ้าคลุมแล้วก็ยังมีเสื้อผ้าหลากหลายแบบและด้วยสีสันของผ้าไหมที่สดใสนี่เอง ที่ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นตลาดที่สวยงามที่สุด จนครั้งหนึ่งสมเด็จพระนางเจ้า ควีนอลิซาเบท แห่งอังกฤษเคยมาเยือนด้วยนะครับ โดยตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ซึ่งอยู่ไม่จากทะเลมาร์มามากนัก
และใช่ว่าที่นี่จะมีเฉพาะแหล่งขายผ้าไหมเท่านั้น ยังมีศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูงไว้ให้เลือกช้อปปิ้งกันอีกด้วยครับ สำหรับใครที่เป็นแฟนเสื้อหนังแบรนด์ดังในอิตาลีอย่าง Versace , Prada , Michael Kors แล้วละก็ถือว่ามาเยือนถึงถิ่นเลยทีเดียว ซึ่งตุรกีถือเป็นประเทศที่มีการผลิตหนังที่มีคุณภาพที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ครับ
จุใจกับแหล่งช้อปปิ้งที่ผมพามาเลือกซื้อเลือกชมกันหรือยังครับ ถ้ายังผมยังมีแหล่งช้อปปิ้งอีกที่หนึ่งมาแนะนำนั่นก็คือ “ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต (Spice Market)” หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของประเทศตุรกี อย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ฯลฯ ได้ตามอัธยาศัยเลยครับ 
นี่เป็นเพียงการเรียกน้ำย่อยเท่านั้นนะครับสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช้อปปิ้งในประเทศตุรกี หากท่านใดสนใจและอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศและชื่นชมความงดงามจากสถานที่จริง หรือมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนใครกับผม “นาย Patty… พาเที่ยว” สามารถสอบถามเข้ามาได้ที่ Hotline : 08-2499-2007 และ Line ID : @DoubleEnjoy  หรือสามารถดูโปรแกรมการท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่ doubleenjoy.com ได้เลยครับ

Address

53/286 Soi Nawamin 105, Nawamin Road, Nawamin, Bueng Kum, Bangkok 10240

จันทร์ - ศุกร์ : 09.00 - 18.00 น.

Contact Us

Hotline : 081-873-6566099-191-9288 

Social Network

Facebook : @DoubleEnjoyTravel
Line : @DoubleEnjoy
Instagram : @DoubleEnjoy
Youtube : Double Enjoy Travel

 

Add line DoubleEnjoy